กรณีศึกษาบทที่10-3 : ระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์ของบริษัทไฟเซอร์
สืบเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในอุตสาหกรรมด้านการดูแลสุขภาพ บริษัทผลิตยาต่างๆ มีการปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ซึ่งนอกจากจะจัดจำหน่ายยาแล้วยังรวบรวมและให้ข้อมูลด้านสุขภาพกับลูกค้าด้วย การจัดการด้านการดูแลสุขภาพทำให้บริษัทยาต้องเปลี่ยนแนวทางในการธุรกิจ โดยในอุตสาหกรรมยาจะมีการเคลื่อนเข้าสู่การบริหารองค์ความรู้ (Knowledge Management) หรือความสามารถในการนำข้อมูลจากแหล่งต่างๆ มาประยุกต์ใช้ในเชิงกลยุทธ์ บริษัทยาจะใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือทางกลยุทธ์เพื่อให้ได้สารสนเทศที่สำคัญและเป็นการเพิ่มคุณค่าของการบริการให้กับลูกค้า
บริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) ได้นำระบบการขาย (Sales-force Automation) มาใช้โดยระบบนี้ช่วยให้ตัวแทนขายสามารถให้ข้อมูลกับแพทย์เกี่ยวกับราคา ผลข้างเคียง และประสิทธิผลของยา บริษัททำการเชื่อมโยงผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเข้ากับซัพพลายเออร์และคู่ค้าของบริษัท รวมถึงการเชื่อมโยงห้องทดลองวิจัยของบริษัทผ่านทางเครือข่าย (Private Network) ที่เรียกว่า “VendorGate” เข้ากับคู่สัญญาทั่วโลก (Gordon & Gordon,1999:443)
คำถาม
1. การที่พนักงานขายมีความรู้เกี่ยวกับผลข้างเคียงและประสิทธิผลของยา มีความสำคัญต่อบริษัทไฟเซอร์ (Pfizer Pharmaceuticals) อย่างไร
ตอบ - พนักงานสามารถบอกกับผู้ซื้อยาว่าคุณสมบัติยาและผลข้างเคียงของยาเป็นอย่างไร และสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้ลูกค้าที่มาใช้บริการและองค์กร
2. บริษัทไฟเซอร์มีการเพิ่มคุณภาพของการบริการให้กับลูกค้าอย่างไร
ตอบ - บริษัทได้นำระบบขาย (Sales-force automation) มาใช้เพื่อตัวแทนขาย ทำให้สามารถรู้ผลข้างเคียงของยา ราคา ประสิทธิภาพ และสามารถที่จะอธิบายตัวยาต่างๆได้ว่าเป็นเช่นไร และยังมีบริการผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตติดต่อกับลูกค้าและบริษัทผู้ขายและยังเชื่อมโยงไปยังห้องทดลองวิจัยของบริษัทผ่านเครือข่ายที่เรียกว่า VendorGate
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น