กรณีศึกษาที่ 11-3 : โซ่อุปทานของบริษัทเชฟรอน เทคซาโก
บริษัท เชพรอน เทคซาโก (Chevron Texaco) เป็นบริษัทางด้านพลังงานที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก ในการสำรองน้ำมันและก๊าชธรรมชาติ และใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ทางด้านการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ทางบริษัทสูบน้ำมันและก๊าชธรรมชาติขึ้นมาในปริมาณที่เท่ากันมากว่า 11 ล้านบาร์เรลต่อวันซ่างทางบริษทสามารถกลั่นน้ำมันได้มากกว่า 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขายเชื้อเพลงและผลิตภัณฑ์ได้มากกว่า 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน และเป็นเจ้าของร้านค้าปลีกหรือปั๊มซึ่งเป็นแฟรนไชส์ของบริษัทมากกว่า 25,000 ปั๊ม ภายใต้ชื่อ Chevron Texaco และ Caltex องค์การดำเนินงานมากกว่า 180 ประเทศ นอกจากนี้ บริษัท เชฟรอน เทคซาโก ยังเป็นบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของอเมริกา มีรายได้ต่อปีเป็นเงิน 104 พันล้านเหรียญ สหรัฐ
ผู้บริหารได้กล่าวถึง
1) กระบวนการนำวัตถุดิบมาผลิต (Upstream) ในการผลิต กระบวนการดังกล่าว ประกอบไปด้วย การสำรวจ การขุดเจาะ และการสูบน้ำมัน กระบวนการเหล่านี้จะไม่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค
2) กระบวนการตามกระแส (Downstream) ซึ่งก็คือโซ่อุปทาน ซึ่งกระบวนการดังกล่าวได้แก่ การสำรองน้ำมันให้เพียงพอสำหรับการกลั่น การขนส่งน้ำมันไปยังสถานีกระจาย รวมทั้งการขนส่งน้ำมันไปยังสถานีต่างๆ กระบวนการดังกล่าวยังขาดประสิทธิภาพซึ่งเป็นปัญหาที่ลูกค้าต้องเผชิญมาเป็นเวลาหลายปี กิจกรรมเหล่านี้ถูกจัดการแบบแยกต่างหาก พนักงานที่ทำงานกับกระบวนการดังกล่าวแบ่งปันข้อมูลกันแบบระบบเดิมและใช้ซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่ไม่สามารถเชื่อมโยงถึงกันได้ ทางบริษัทต้องเจ็บปวดจากการไม่มีผลผลิตสำรองกับการกักตุนผลผลิต การไม่มีผลผลิตสำรองเกิดขึ้นเมื่อสถานีก๊าชไม่มีก๊าชสำรอง การกักตุนเกิดขึ้นเมื่อก๊าชถูกส่งไปยังปั๊มมากเกินไป บางปั๊มต้องทำการเก็บไว้และคืนในเวลาต่อมา หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า ทางบริษัทจำเป็นต้องประมาณการใช้หรือต้องคาดเดาการใช้มากกว่าความต้องการที่แท้จริง ฝ่ายการจัดการรู้ดีว่า สิ่งนี้นำมาซึ่งต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในความเป็นจริงต้นทุนนี้จำเป็นต้องตัดออกไป
มันไม่ได้หมายความว่าทางบริษัทไม่ได้ใช้ข้อมูลความต้องการในอดีตเพื่อพยาการณ์ความต้องการสำหรับสองหรือสามเดือนข้างหน้า แต่แผนการดังกล่าวไม่ดีพอ การดำเนินการควรมีศักยภาพมากกว่านี้ถ้าผู้จัดการทราบปริมาณก๊าชที่จำเป็นในวันพรุ้งนี้โดยมีพื้นฐานมาจากความต้องการที่แท้จริง ไม่ใช่มาจากการพยากรณ์ความต้องการ
บริษัทน้ำมันหลายแห่งอยู่ในจุดเดียวกันที่ต้องติดตั้งระบบการบริหารโซอุปทาง เพราะพวกเขาคาบคุมกระบวนการทั้งหมดจากการขุดเจาะไปจนถึงการเติมน้ำมันให้ปั๊ม ดังนั้นอุปทานทั้งระบบต้องอยูในการควบคุมของทางบริษัทส่งผลให้พวกเขาไม่จำเป็ฯต้องเจรจากับบริษัทอื่นๆ ด้วย พวกเขาจะเป็นทั้งผู้ผลิตและ “ผู้ซื้อ” สินค้าที่พวกเขาท้ายที่สุดต้องขายให้กับลูกค้า
ในปี ค.ศ. 1997 ฝ่ายการจัดการตัดสินใจติดตั้งระบบบริหารโซ่อุปทาน ทางบริษัทใช้ผลิตภัณฑ์จาก SAP บริษัทเยอรมันเป็นผู้เชี่ยวชาญระบบนี้ ทางบริษัทซื้อระบบริหารโซอุปทาน (SCM) มาในราคา 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ระบบ SAP ทำงานคู่กับซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่ถูกพัฒนาเฉพาะเจาะจงให้กับบริษัท เชพรอน เทคซาโก ซึ่งบันทึกข้อมูลแบบเรียลไทม์ (Real Time) ณ สถานีก๊าช รวมทั้งสนับสนุนการวางแผนระบบสารสนเทศในอนาคตด้วย หลังจากการติดตั้ง ทางบริษัทใช้เงินไป 15 ล้านเหรียญต่อปี เพื่อการปรับปรุงและการบำรุงรักษาระบบ
หลายสิ่งเปลี่ยนไปอย่างมาก ปัจุบันเมื่อเติมก๊าชที่ปั๊มเชฟรอน เช่น มีช่องเติมน้ำมันอย่างน้อย 8 หรือ มากกว่า และบางปั๊ม ก็จะมีบริการล้างรถโดยอุปกรณ์ทันสมัยที่ไม่สามารถเห็นได้โดยคนขับรถ แต่ละแท็งก์ควบคุมโดยจอที่ดูระดับแบบอิเล็กทรอนิกส์ จอจะทำการส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ เกี่ยวกับสถานะของแท็งก์เข้าสายเคเบิลไปยังระบบการจัดการของสถานีแล้วส่งเป็นสัญญาณดาวเทียมไปยังระบบบริหารสินค้าคงคลังของสำนักงานของบริษัทเซพรอน เทคซาโกใน ซาน เรมอน แคลิฟอร์เนีย เมื่อระดับของก๊าชในแท็งก์ต่ำกว่าระดับที่กำหนดไว้ ข้อมูลก็จะถูกส่งไป ทำให้สถานีไม่ขาดแคลนก๊าช
ผู้จัดการใช้ข้อมูลความต้องการเพื่อทำนายความต้องการ พวกเขาไว้ใจระบบสารสนเทศมากจนกระทั่งพวกเขาใช้มันเพื่อกำหนดปริมาณน้ำมันที่ควรจะกลั่นรายเดือนด้วยการตรวจสอบรายสัปดาห์และรายวัน การวางแผนรายเดือนถูกพิจารณาว่าเสี่ยง ถ้าเพื่อว่าความต้องการไม่สามารถค้นพบ ระบบใหม่เปลี่ยนการตัดสินใจจากการพิจารณาจากการจ่าย (Supply Driven) มาเป็นการพิจารณาความต้องการ (Demand Driven) ในปีแรกของการติดตั้งระบบ ผลกำไรของทางบริษัทเพื่อขึ้นจาก 290 ล้านเหรียญ สหรัฐ มาเป็น 662 ล้านเหรียญสหรัฐด้วยความสามารถในการกลั่นและจำนวนสถานีค้าปลีกปริมาณเท่าเดิม ขณะที่การก้าวกระโดดนี้เกิดจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ ต้องขอบคุณการแทนที่คนด้วยเทคโนโลยีและการทำให้โซ่อุปทานมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ในปี ค.ศ. 2000 กำไรของทางบริษืทเซพรอน เทคซาโก เป็น 778 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อขึ้น 100 ล้านเหรียญสหรัฐจากปีก่อน
โซ่อุปทานนี้เริ่มต้นในเรมอน แคลิฟอร์เนีย และฮุสตตัน สำนักงานเท็กซัสที่ซึ่งผู้ค้าก๊าชและน้ำมันจะทำการตรวจสอบตลาด การกลั่นผลิตภัณฑ์ และแผนการขายเพื่อตัดสินใจว่าน้ำมันดิบและก๊าชเท่าใดที่พวกเขาจำเป็นต้องซื้อจากตลาดเปิด หรือแม้แต่บริษัท เชพรอน เทคซาโก ต้องซื้อน้ำมันเพราะมีการซื้อขายมากกว่าการผลิต สารสนเทศที่มีการบูรณาการแล้วมาจากสถานีแก๊ส สายการบิน และบริษัทขนส่งทั้งหมด
ข้อมูลช่วยให้บริษัทมีการวางแผนดีขึ้น ถ้าทางบริษัทสามารถทำนายความต้องการต่อเดือนได้ ผู้จัดการทั้งหลายก็จะมีเวลาในการค้นหาการซื้อขายที่น่าสนใจได้ ถ้าพวกเขาทำได้ พวกเขาสามารถประหยัดได้ถึง หนึ่งในสี่ถึงหนึ่งในสาม ของหนึ่งเซ็นต่อหนึ่งแกลอน จำนวนนี้สามารถประหยัดเงินได้ถึง 400,000 เหรีญญสหรัฐต่อเดือน ความต้องการนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับความพอใจในการขายน้ำมันแต่มันตัดสินจากปริมาณน้ำมันที่ทำการขุดและกลั่นมากเท่าใดโดยบริษัทเองต่างหาก
ข้อมูลจากสถานีส่วนบุคคลถูกใช้เพื่อวางแผนสำหรับการส่งน้ำมันอีก 5 ครั้งในแต่ละสถานี อย่างไรก็ตามแผนการขนส่งน้ำมันเป็นแผนที่มีประสิทธิภาพ ข้อมูลจะถูกปรับปรุงเมื่อมีข้อมูลการขายส่งเข้าสู่ระบบส่วนกลาง ระบบใช้อัลกอริทึมทางด้านโลจิสติกส์ เพื่อวางแผนการขนส่งรวมทั้งลดต้นทุนการขนส่งลง 6 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับระบบการวางแผนแบบเก่า
บริษัท เวพรอน เทคซาโก ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ มากกว่าหลายบริษัทในอุตสาหกรรมนี้ จากการเปรียบเทียบด้วยตารางเมทริกซ์ทางด้านอุตสาหกรรมขนาดกลาง แสดงให้เห็นความแตกต่างอย่างเด่นชัดว่า บริษัทเชพรอน เทคซาโก มีการดูแลรักษาผลผลิตของตนเองไว้เพียง 35 วัน และเป็นครึ่งหนึ่งของเวลาปกติคือ 74 วันในอุตสาหกรรมนี้ เก็บเงินจากลูกค้าเพียงแค่ 36 วัน หลังจากการขุดเจาะเปรียบเทียบกับเมื่อก่อน 84 วัน และใช้เวลาเพียง 9 วันเพื่อการเตรียมพร้อมสำหรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ จาก 20 วัน (ที่มา : Oz, 2004)
คำถาม
1. ระบบที่ใช้ในบริษัทเชพรอน เทคซาโก จัดว่าเป็นระบบบริหารทรัพยากรองค์การแบบขยายขีดความสามารถ (Extended ERP) อย่างไร ให้อธิบายพร้อมยกตัวอย่างจากรณีศึกษาประกอบ
ตอบ - 1.1 เพิ่มความสามารถในการทำนายความต้องการ พยากรณ์ปริมาณน้ำมันรายเดือน
1.2 สามารถที่จะลดระยะเวลาในการรักษาผลผลิตลงไปอีก และสามารถเรียกเก็บเงินจากลูกค้าได้ลดลงเหลือครึ่งต่อครึ่งได้พร้อมทั้งลดระยะเวลาในการเตรียมความพร้อมในด้านอื่นๆที่สามารถพัฒนาได้
2. ประโยชน์ที่ทางบริษัทเชพรอน เทคซาโกได้รับหลังจากการเปลี่ยนระบบอะไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ - 2.1 มีช่องเติมน้ำมันอย่างน้อย 8 หรือมากกว่า
2.2 มีบริการล้างรถโดยอุปกรณ์ที่ทันสมัยที่ไม่สามารถเห็นได้โดยคนขับรถ
2.3 แท็งก์ในปั้มน้ำมันจะถูกควบคุมโดยจออิเล็กทรอนิกส์ จอจะทำการส่งข้อมูลแบบเป็น เรียลไทม์คือจะส่งข้อมูลแบบช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เกี่ยวกับสถานะของแท็งก์เข้าสายเคเบิ้ลไปยังระบบการจัดการของสถานี แล้วส่งเป็นสัญญาณดาวเทียมไปยังระบบบริหารสินค้าคงคลังของบริษัทที่ แคลิฟอร์เนีย เมื่อระดับก๊าซในแท็งก์ต่ำกว่าระดับที่กำหนดไว้ ข้อมูลก็จะถูกส่งไป ทำให้สถานีไม่ขาดแคลนก๊าซ
2.4 ผู้จัดการสามารถที่จะใช้ข้อมูลเพื่อทำการทำนายความต้องการของลูกค้า ในการกำหนดปริมาณน้ำมันที่จะกลั่นรายเดือนด้วยการตรวจสอบรายสัปดาห์และรายวัน
2.5 ผลกำไรของบริษัทเชฟรอนเพิ่มขึ้นจาก 290 ล้านเหรียญสหรัฐ มาเป็น 662 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยความสามารถในการกลั่นและจำนวนของสถานีค้าปลีก
2.6เศรษกิจของบริษัทเชฟรอนเจริญเติบโตแบบไม่หยุดยั้ง เพราะการแทนที่คนด้วยเทคโนโลยีและทำให้โซ่อุปทานมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ในปี ค.ศ.2000 กำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอีก 100 ล้านเหรียญสหรัฐ มาเป็น 778 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในเพียงแค่ ปี เดียว
3. ท่านจะสเนอแนะแนวทางในการนำระบบ ERP มาใช้ปฏิรูปองค์การธุรกิจได้อย่างไรบ้าง
ตอบ - 3.1 ธุรกิจเกี่ยวกับส่งออกคอมพิวเตอร์ ควรคำนึงว่า การส่งสินค้าเป็นจำนวนมากทำให้พนักงานต้องตรวจสอบความถูกต้องโดยระเอียด และถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้นมาสินค้าที่ถูกส่งออกไปแล้วก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาต่อบริษัทได้
3.2 ประเมินผลความสามารถของบริษัทที่มีต่อคู่แข่งว่าสามารถต่อกรได้หรือไม่
3.3 พัฒนาระบบเดิมที่บกพร่องหรือขาดความสมดุลต่อบริษัท และนำระบบที่มีความสามารถที่ดีกว่าเข้ามาช่วยหรือนำไปปฎิบัติแทนที่
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น