วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2551

การศึกษาระบบงาน ร้านเกมส์อินเทอร์เน็ต









ศึ ร้ส์อิเทอร์เน็ต
M-NET

>>ร้านเกมส์คอมพิวเตอร์ และ อินเทอร์เน็ต<<






ระบบฐานข้อมูลร้านเกมส์ M-NET











ระบบการดำเนินงานร้านเกมส์ M-NET








1.กำหนดและเลือกโครงการ> ระบบร้าน อินเทอร์เน็ตคาเฟ่


2.เริ่มต้นวางแผน
> ระบบซอฟแวร์ที่นำเข้ามาเพื่อการจัดการแก้ปัญหาของร้านเกมส์คอมพิวเตอร์
> ระบบร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่
มีการจัดเก็บข้อมูลลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการตาม พ.ร.บ.
คอมพิวเตอร์
ระบบการรักษาความปลอดภัย

3.วางแผนโครงการวัตถุประสงค์> เพื่อการจัดเก็บข้อมูลของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ซึ่งประกอบด้วยประวัติของลูกค้า ตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550
เป้าหมาย>
จัดเก็บข้อมูลลูกค้าทั้งเป็นสมาชิกและไม่เป็นสมาชิกเพื่อความถูกต้องในการยืนยันกับทางภาครัฐ

การปรับปรุง>
เนื่องจากตอนแรกไม่มีการจัดเก็บข้อมูลผู้เข้ามาใช้บริการร้านคอมพิวเตอร์ ต่อมาได้มี พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เพื่อนำข้อมูลการใช้แสดงตนต่อเจ้าหน้าที่ภาครัฐ
การค้นหาและแก้ไขปัญหาสาเหตุที่แท้จริงของความล้มเหลว>
ข้อมูลเอกสารลูกค้าที่ไม่ถึง 15 ซึ่งยังไม่ได้ทำบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งในจุดนี้เอง อาจจะทำให้ลูกค้าบอกชื่อ-นามสกุล ที่ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง
ข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานภายในองค์กร
ในสมัยที่ร้าน M-NET เพิ่งประกอบกิจการได้ไม่นานโดยในตอนแรกยังไม่มีระบบเข้ามาช่วยในการบริหารงานซึ่งทำให้เกิดปัญหาสรุปเป็นข้อๆได้ดังนี้


1.ไม่มีโปรแกรมช่วยจดจำเวลาที่ผู้เข้ามาเพื่อใช้บริการในตอนนั้นใช้เพียงแค่การจดเวลาใส่กระดาน

2.ไม่มีการบันทึกข้อมูลลูกค้าเพราะในตอนนี้ยังไม่มี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ออกมา

3.ปัญหาในการเล่นเกินระยะเวลาที่กำหนดของลูกค้าซึ่งอาจจะทำให้เจ้าของร้านดูแลไม่ทั่วถึง

4.งบกำไรขาดทุนเมื่อถึงยอดครบรายสัปดาห์การคำนวณงบประมาณจะไม่ค่อยตรงตามเวลาที่ผู้เข้ามาใช้บริการในแต่ละสัปดาห์
5.เครื่องคอมพิวเตอร์ยังไม่มีซอฟแวร์ที่สามารถล็อคหน้าจอได้เพราะสมัยก่อนยังไม่ได้นำเอาซอฟแวร์นี้เข้ามาช่วยเลยทำให้ลูกค้าแอบเล่นฟรีได้

6.ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการเมื่อเล่นเสร็จอาจจะหลบหนีการจ่ายเงินค่าใช้บริการได้


การแก้ปัญหาต่างๆภายในองค์กร




·> ในปี 2550 ได้มีการ ออก พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ออกมา ทำให้ ร้านต้องพัฒนาด้วยการนำระบบซอฟแวร์EasyCafe เข้ามาจัดการแทนในเรื่องเวลาในการเข้ามาใช้บริการของลูกค้า การคำนวณค่าใช้จ่ายที่ถูกต้องการสร้างaccount ส่วนตัวของลูกค้า


> โปรแกรม Microsoft Excel นำมากรอกประวัติข้อมูลลูกค้าและจัดเก็บไว้> กล้องวงจรปิดที่สามารถตรวจสอบและป้องกันความปลอดภัยที่สามารถดูได้ผ่านระบบLan ด้วย IP Address จากที่ไหนก็ได้
ขอขอบคุณ


นายไพบูณร์ และ นายสุพัฒน์
เจ้าของร้านเกมส์ M-NET










คณะผู้จัดทำ























วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2551

กรณีศึกษาบทที่ 12 : ระบบติดตามอากาศยานของวิทยุการบินแห่งประเทศไทย : Aircraft Surveillance System

กรณีศึกษา : ระบบติดตามอากาศยานของวิทยุการบินแห่งประเทศไทย : Aircraft Surveillance System(เอกสารเพื่อการประชาสัมพันธ์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (กันยนยน, 2547 และกุมภาพันธ์, 2548)

วิทยุการบินแห่งประเทศไทยเป็นรัฐวิสาหกิจที่มีภารกิจหลักในการให้บริการควบคุมจราจรทางอากาศ และหนึ่งในภารกิจหลัก คือ การให้บริการจราจรทางอากาศบริเวณสนามบินทุกแห่งของประเทศ รวมถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่กำลังะเปิดใช้งานในอนาคต ซึ่งเป็นท่าอากาศยานสากลแห่งใหม่ของประเทศไทยที่มีขนาดกว้าง เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในการใช้บริการดำเนินการเพื่อให้มีการบริการของเที่ยวบินต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่น และลดการล่าช้า (Delay) ตลอดจนอำนวยความสะดวกแก่สายการบินจากนานาชาติในส่วนของการบริการภาคพื้นซึ่งจะต้องอาศัยระบบติดตามอากาศยานที่ทันสมัยเพื่อให้สามารถควบคุมจราจรทางอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยระบบนี้สามารถติดตามอากาศยานได้ตลอดเวลาด้วยข้อมุลที่ใกล้เคยงความเป็นจริงมากที่สุด

วิทยุการบินฯ จึงได้นำระบบอุปกรณ์ติดตามอากาศยานที่ทันสมัยเลยใช้เทคโนโลยีล่าสุดมาใช้สำหรับการบิรหารและจัดการอากาศยาน รวมถึงยานพาหนะในบริเวณท่าอากาศยาน ทางวิ่ง ทางขับ และลานจอดอากาศยาน ซึ่งระบบเป็นแบบบูรณการ (System Integration) เพื่อให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็น Interlligence Airport โดยการนำเอาข้อดีของระบบต่างๆ ซึ่งมีหน้าที่และประโยชน์การใช้งานที่แตกต่างกันมาเชื่อมโยงโดยมีระบบคอมพิวเตอร์ประมวลผลข้อมุลและสร้างฟังก์ชันการทำงานที่เพิ่มขึ้นและทำงานอย่างอัตโนมัติจึงสามารถใช้ศักยภาพของสนามบินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดอุบัติเหตุ และการล่าช้าของอากาศยาน รวมถึงลดภาระการทำงานของเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศได้

การทำงานของระบบอุปกรณ์ ประกอบด้วย
- ระบบเรดาร์ปฐมภูมิ (Primary Surveillance Radar System : PPSR) สำหรับการติดตามเป้าอากาศยานระยะภายในรัสมี 80 และ 250 ไมล์ทะเลจากสนามบินตามลำดับ
- ระบบเรดาร์ติดตามเป้าหมายบริเวณภาคพื้นสนามบิน (Advance Surface Movement Radar System) สำหรับติดตามเป้าอากาศยานและยานพาหนะที่เคลื่อนที่อยู่บริเวณโดยรอบสนามบินและบนสนามบิน
- ระบบควบคุมการสื่อสาร (Voice Communication Control System) สำหรับควบคุมระบบวิทยุสื่อสารที่ใช้ในการติดต่อระหว่างผู้ควบคุมจราจรทางอากาศกับนักบิน
- ระบบประมวลผลข้อมูลเรดาร์ (Radar Data Processing System) สำหรับการประมวลผลข้อมูลเรดาร์จากเรดาร์หลายๆ สถานี เพื่อระบุตำแหน่งและชื่อของอากาศยานนั้นๆ รวมถึงการมีระบบแจ้งเตือนให้แก่เจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศในกรณีที่อาจเกิดอุบัติเหตุขึ้น
- ระบบประมวลผลข้อมุลการบิน (Flight Data Processing System) ทำหน้าที่รวบรวมและประมวลผลข้อมูลการบินเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาและตัดสินใจในการควบคุมจราจรทางอากาศ
- ระบบแสดงผลข้อมูล (Controller Working Position) สำหรับแสดงตำแหน่งและชื่อเรียกของอากาศยาน รวมถึงข้อมูลการบินที่ได้รับการประมวลผลจากระบบประมวลผลข้อมูลการบิน

นอกจากนั้นระบบติดตามอากาศยานยังได้ทำการเชื่อมต่อกันกับระบบอื่นๆ ได้แก่ ระบบไฟฟ้าสนามบิน (Airfield Lighting System) และระบบสารสนเทศสนามบิน (Airport Information System : AIMS) ของบริษัทท่าอากาศยานไทย เพื่อให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบได้และสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบได้และสามารถทำงานได้โดย อัตโนมัติอีกทั้งยังมีระบบติดตั้งหอบังคับการบินสำหรับกรณีฉุกเฉิน (Emergency tower) เพื่อความปลอดภัยในการบินและมิให้การบินต้องหยุดชะงัก


คำถาม
1. วิธีการพัฒนาระบบสารสนเทศมีหลายวิธีด้วยกัน ในกรณีของระบบติดตามอากาศยานข้างต้นมีควมเกี่ยวข้องกับการให้บริการควบคุมจราจรทางอากาศ ซึ่งเป็นภารกิจหลักของวิทยุการบินฯท่านคิดว่าควรเลือกใช้วิธีหรือแนวทางใดเพื่อให้ได้มาซึ่งระบบดังกล่าว
ตอบ - ระบบท่าอากาศยานมีความทันสมัยที่สูงและต้องการระบบที่ต้องนำพาความสะดวกสบายของทุกๆสถานี ขอนำเอาระบบประมวลผลข้อมูลเรดาร์ (Radar Data Processing System) จะเป็นระบบที่เหมาะสมมากเพราะระบบนี้สามารถที่จะอัพเกรดความสามารถได้อยุ่เรื่อยในระยะยาว และสถานีอื่นยังสามารถเข้ามารว่มพัฒนาพร้อมทั้งนำโปรแกรมอื่นๆเข้ามาช่วยได้อีกเช่นกัน
2. ระบบติดตามอากาศยานมีความสำคัญต่อวิทยุการบินฯ อย่างไร และเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศจะได้รับผลกระทบจากการนำระบบนี้มาใช้หรือไม่ จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบ
ตอบ - มีความสำคัญอย่างมากเพราะถ้าไม่มีระบบที่สามารถติดตามได้เวลาเกิดอุบัติเหตุหรือปัญหาต่างๆฝั่งวิทยุการบินอาจจะไม่ทราบเหตุการณ์ได้ ส่วนเจ้าหน้าที่จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆเลยมีแต่จะทำให้เจ้าหน้าที่มีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้นโดยสามารถรู้ทั้งการจราจร เครื่องบินที่จะบินเข้ามา หรือแม้แต่สังเกตุการณ์พร้อมทั้งยังแจ้งเหตุฉุกเฉินก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุได้

วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2551

คำถามท้ายบทที่ 14

1. จงอธิบาย เปรียบเทียบ พร้อมยกตัวอย่างของไวรัส เวิร์ม และม้าโทรจัน
ตอบ - ไวรัส เวิร์ม คือ โปรแกรม คอมพิวเตอร์ที่กระจายตัวเอง เช่นเดี่ยวกับไวรัส โดยการแพร่กระจาย จากคอมพิวเตอร์ สู่คอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ โดยผ่านอีเมล์และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์อ่าน เวิร์มจะเริ่มทำงานโดยการคัดลอกตัวเองและส่งผลจากจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ไปยังเครื่องของคนอื่น ๆ ที่มีรายชื่ออยู่ใน E-mail เช่น “Nimda, “W32.Sobig”, W32.bugbeor” “W32.blaster” and “love bug” ซึ่งเป็นไฟล์ที่แนบมากับอีเมล์ที่กำหนดหัวเรื่องว่า “Love You”ม้าโทรจัน (Trojan torse) เป็นโปรแกรมรวมแต่แตกต่าง จากไวรัสและเวิร์มที่ ม้าโทรจัน จะไม่กระจายตัวเองไปยังคอมพิวเตอร์ เครื่องอื่น ๆ แต่ ม้าโทรจันจะแฝงอยู่กับโปรแกรมอื่น ๆ ที่อาจส่งผ่านมาทางอีเมล์ เช่น Ziped_filessexe. เมื่อมีการเรียกใช้ไฟล์ โปรแกรมก็จะลบไฟล์ที่อยู่ในฮาร์ดิสก์

2. สปายแวร์ (Spyware) คืออะไร และมวิธีการติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ได้อย่างไร
ตอบ - คือ ไวรัสที่เป็นไฟล์ภาพกราฟิก มีขนาดเล็กและซ่อนตัวอยู่ที่เว็บเพจ ที่รวบรวมข้อมูลและพฤติกรรมการท่องโลกอินเทอร์เน็ตของผู้ใช้ แล้วส่งข้อมูลเหล่านั้นกลับไปยังเครื่องเซิร์ฟเวอร์ และวิธีการติดตั้งของเครื่อง คอมพิวเตอร์ คือ การติดตั้งจากแผ่น Driver หรือ การดาว์นโหลดจากอินเทอร์เน็ตมา เช่น โปรแกรมAd-aware ,Spycop เป็นต้น

3. ท่านมีวิธีการหลีกเลี่ยงการเป็นเป้าหมายของสแปมเมลอย่างไร
ตอบ -
3.1 เป็นการบล็อกสแปมเมล์ก่อนที่เมล์เหล่านั้นจะถูกส่งไปยังกล่องจดหมาย
3.2 การติดตั้งโปรแกรม แอนตี้สแปม (Aati-Spam Program) ที่ช่วยกรองและกำจัดสแปมเมล์ก่อนที่เมล์เหล่านั้นจะถูกส่งไปยังกล่องเมล์


4. ท่านคิดว่าปัญหาในเรื่องความปลอดภัยใดบ้างที่มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นจากการใช้งานอินทราเน็ตและเอ็กซ์ทราเน็ตในองค์การธุรกิจ และจะมีวิธีป้องกันหรือแก้ปัญหานั้นอย่างไรบ้าง จงยกตัวอย่าง
ตอบ - คือ ปัญหาในเรื่องอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้นโดยป้องกันปัญหานั้น คือ ควรมีระบบตรวจสอบการเข้าใช้ เพื่อทำการอนุญาตการใช้ระบบนั้น เช่น การตรวจสอบเสียง ลายนิ้วมือ ฝ่ามอ ลายเซ็น และรูปหน้า เป็นต้น โดยอุปกรณ์จะทำการแปลงลักษณะส่วนบุคคลให้อยู่ในรูปของดิจิทัล แล้วทำการเปรียบเทียบกับข้อมูลใน คอมพิวเตอร์ ถ้าข้อมูลไม่ตรงกับคอมพิวเตอร์แม่ข่าย ก็จะปฏิเสธการเข้าสู่ระบบ

5. ท่านคิดว่าการทำสำเนาแผ่นซีดีเพลงเป็นการกระทำผิดจริยธรรมหรือไม่ เพราะเหตุใด และการดาวน์โหลดเพลงจากอินเทอร์เน็ตก็เช่นเดียวกัน ท่านมีความเห็นอย่างไร
ตอบ
- คือ การทำสำเนาแผ่นซีดีเพลงเป็นการกระทำที่ผิดจริยธรรม เพราะซีดีเพลงที่ได้มานั้น ไม่ได้มาโดยง่ายเลย และยังเป็นลิขสิทธิ์ ของค่ายเพลงนั้นๆ ด้วย และการดาวน์โหลดเพลงจากอินเทอร์เน็ต ถือว่าผิดจริยธรรมเหมือนกัน แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีได้มีการพัฒนาสูง ดังนั้นการดาว์นโหลดเพลงจากอินเทอร์เน็ตถือว่าเป็นเรื่องปกติ

6. จากเหตุการณ์ต่อไปนี้ จบตอบคำถาม
ผู้จัดการฝ่ายดูแลความปลอดภัยของข้อมูลและสารสนเทศของบริษัทแห่งหนึ่งได้สอดส่องการใช้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ของพนักงานบริษัท และพบว่ามีพนักงานจำนวนมากใช้ระบบของบริษัทเพื่องานส่วนตัวข้อความบางส่วนที่ตรวจพบเป็นจดหมายรักบ้าง เป็นข้อมูลการดูผลการแข่งขันฟุตบอลบ้าง ดังนั้นผู้จัดการฝ่ายดูแลความปลอดภัยท่านนี้จึงได้เตรียมทำรายงานชื่อพนักงานเหล่านั้น พร้อมยกตัวอย่างข้อความที่ใช้งานกันเพื่อส่งให้กับฝ่ายบริหารต่อไป ผู้จัดการฝ่ายบางคนก็ลงโทษพนักงานในฝ่ายของตนที่ใช้อีเมลในงานส่วนตัว ในขณะที่ฝ่ายพนักงานได้เรียกร้องในเรื่องความเป็นส่วนตัวของการใช้งานระบบอีเมลของบริษัท


6.1 ท่านคิดการที่ผู้บริหารหรือผู้จัดการฝ่ายสอดส่องเฝ้าดูการใช้อีเมลของพนักงานนั้นเป็นการกระทำผิดจริยธรรมหรือไม่ เพราะเหตุใด
ตอบ -
คิดว่าการสอดส่องของผู้บริหารฝ่ายจัดการข้อมูลนั้น ได้ผิดจริยธรรม เพราะว่าพนักงานถึงจะใช้ระบบอีเมล์เป็นเรื่องส่วนตัว แต่ก็ต้องดูด้วยว่าใช้ในเวลาทำงาน หรือว่าเวลาว่างไม่ควรด่าว่าให้กับพนักงาน

6.2 การใช้อีเมลเพื่อการสื่อสารส่วนตัวของพนักงานเป็นการกระทำผิดจริยธรรมหรือไม่ จงให้เหตุผลประกอบ
ตอบ - การใช้อีเมล์เพื่อการสื่อสารส่านตัวของพนักงาน คิดว่า ไม่ผิดจริยธรรม เพราะว่าการใช้อีเมล์ของพนักงาน นอกจากที่ได้กล่าวไว้แล้ว อาจใช้ติดต่อกับลูกค้าเป็นการส่วนตัวก็ได้

6.3 การที่ผู้จัดการฝ่ายดูแลความปลอดภัยของข้อมูลและสารสนเทศส่งรายชื่อพนักงานที่กระทำผิดในกรณีนี้ให้กับผู้บริหารเป็นการกระทำผิดจริยธรรมหรือไม่ เพราะเหตุใด
ตอบ - การที่ผู้จัดการฝ่ายความปลอดภัยได้ส่งรายชื่อพนักงานให้กับผู้บริหาร ไม่ผิดจริยธรรม แต่การทำงานร่วมกันควรตักเตือนก่อนหรือให้คำชี้แนะที่ดีแก่พนักงานเหล่านั้น

6.4 การลงโทษพนักงานที่กระทำผิดในกรณีนี้เป็นการกระทำผิดจริยธรรมหรือไม่ เพราะเหตุใด
ตอบ - การลงโทษพนักงานที่กระทำผิดในกรณีนี้เป็นการกระทำผิดจริยธรรม เพราะว่า การลงโทษพนักงานที่ทำงานมาด้วยกัน ไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปี นั้น อาจทำให้พนักงานเสียขวัญและกำลังใจในการทำงานก็ได้ และพนักงานบางคนอาจลาออกจากงาน ก็จะส่งผลกระทบในตำแหน่งงานนั้นด้วยตามมา

6.5 ท่านคิดว่าบริษัทควรดำเนินการเช่นใดเพื่อแก้ไขสถานการณ์นี้ให้ถูกต้อง
ตอบ - คิดว่าบริษัทควรแก้ไขในการดำเนินครั้งนี้ คือ ควรจัดการอบรมให้กับพนักงานทั้งหมดในเรื่องของการใช้อีเมล์ และกำหนดให้ใช้อีเมล์ในการติดต่อกับลูก

กรณีศึกษาบทที่ 14 : การโจมตีแบบฟิชชิ่งลูกค้าธนาคาร

กรณีศึกษาบทที่ 14 : การโจมตีแบบฟิชชิ่งลูกค้าธนาคาร

เมื่อเดือนเมษายน 2548 ลูกค้าธนาคารซิตี้แบงค์ได้รับอีเมลหลอกลวงเพื่อให้เชื่อมโยงเข้าไปยังเว็บไซต์ของธนาคารเพื่อทำธุรกรรมทางการเงิน เว็บไซต์ที่ให้เชื่อมโยงไปนั้นมีลักษณะคล้ายคลึงกับเว็บไซต์ของธนาคารมาก ข้อความในอีเมลแจ้งให้ลูกค้าธนาคารเข้าไปยังเว็บไซต์เพื่อกรอกข้อมูลต่างๆ เช่น ข้อมูลส่วนตัว รหัสบัตรเครดิต บัญชีผู้ใช้ และรหัสผ่าน

คำถาม
1. การกระทำดังกล่าวเป็นเทคนิคการโจมตีแบบฟิชชิ่งอย่างไร จงอธิบาย
ตอบ - 1.1 เป็นการสร้างหน้าเว็ปที่คล้ายคลึงกันกับของธนาคารซิตี้แบงค์ และให้กรอกข้อมูลส่วนตัวทั้งประวัติรหัสบัตรเครดิต บัญชีผู้ใช้ และรหัสผ่านต่างๆ และเมื่อลูกค้าที่หลงเชื่อในเว็ปนี้และกด ส่งข้อมูล ขึ้นมูลทั้งหมดที่ลูกค้ากรอกจะถูกส่งไปทำ ผู้ที่ทำเว็ปนี้ขึ้นมา และผู้ที่ทำเว็ปนี้ขึ้นมาสามารถล่วงรู้ถึงข้อมูลต่างๆของลูกค้าทั้งหมดรวมทั้งยังสามารถทำอะไรก้ได้เกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวรหัสผ่านได้โดยที่ลูกค้าตัวจริงไม่รู้


2. จงยกตัวอย่างกรณีศึกษาการโจมตีแบบฟิชชิ่งมา 2 ตัวอย่าง
ตอบ - 2.1 ทำโปรแกรมให้คนทั่วไปโหลดฟรีซึ่งในโปรแกรมจะบรรยายสรรพคุณที่ดีๆเอาไว้แต่แฝงไวรัสที่จะเป็นตัวเก็บข้อมูลของคนทั่วไปไว้อยู่ในตัวโปรแกรม เมื่อคนทั่วไปโหลดไปใช้และลงโปรแกรมตัวไวรัสจะเริ่มทำงานและจะฝังตัวอยู่ในคอมพิวเตอร์ซึ่งตัวไวรัสนี้จะเป็นตัวที่ส่งข้อมูลมาให้hackerผู้ผลิตโปรแกรม ตัวhacker สามารถรู้ข้อมูลทุกอย่างที่คนทั่วไปกระทำต่อคอมพิวเตอร์
2.2 หน้าwebsiteและurlที่คล้ายคลึงกัน คือ จำลองwebsiteที่หน้าตาเหมือนกับwebsiteของธนาคาร,การศึกษา,หรือขายของต่างๆ และบุคคลทั่วไปเมื่อเข้ามาก็ย่อมที่จะไม่สงใสอะไรเพราะหน้าตาเว็ปจะเหมือนกัน จึงกรอกข้อความและข้อมูลที่สำคัญลงไป




3. ท่านมีวิธีการหลีกเลี่ยงและป้องกันกลลวงจากฟิชชิ่งได้อย่างไร
ตอบ - 3.1 ควรที่จะพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนที่จะให้ข้อมูลส่วนตัวต่อwebsite หรือ E-Mail ต่างๆที่ส่งเข้ามาทางMailเรา ต้องสำรวจหาว่าข้อมูลที่ส่งมานี้เป็นจริงหรือไม่ เช่น ธนาคารส่ง Mail มาให้เรากรอกข้อมูลต่างๆที่สำคัญ เราควนที่จะตรวจสอบว่า Mail นี้มาจากไหน และตัว Mail นี้จะส่งไปที่ใด ซึ่งทางที่ดีแล้วเราควรที่จะโทรไปโดยตรง ที่ธนาคารเลยว่า ส่ง Mail มาหรือไม่เพื่อความไม่ประมาท และปลอดภัยต่อตัวเราเอง

คำถามท้ายบทที่ 13

1. สารสนเทศกับความรู้คืออะไร เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

ตอบ - สารสนเทศกับความรู้ต่างกัน คือ ความรู้คือการผสมผสานของประสบการณ์ ส่วนสารสนเทศ คือ ความเข้าใจ ทักษะและความเชี่ยวชาญ รวมถึงสิ่งที่ได้รับการสั่งสมมาจากการศึกษาเล่าเรียนเพื่อที่สามารถถ่ายทอดให้กับบุคคลอื่น ๆ ได้



2. การจัดการความรู้มีความสำคัญต่อองค์การในปัจจุบันอย่างไร

ตอบ - เป็นกระบวนการที่เป้ฯระบบ หมวดหมู่ ง่ายต่อการสรรหา การเลือก การรวบรวมจัดระบบที่คนในองค์การสามารถเข้าถึงได้ง่าย เพื่อที่จะพัฒนาตนองให้มีความสามารถที่จะนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อองค์การ


3. เทคโนโลยีสารสนเทศมีการถูกนำไปใช้ในการจัดการความรู้ได้อย่างไรบ้าง

ตอบ - 3.1 เป็นระบบจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์·
3.2 การสืบค้นข้อมูลข่าวสาร·
3.3 เป็นการเรียนรู้ทางอิเล็กทรอนิกส์·
3.4 เป็นระบบประชุมทางอิเล็กทรอนิกส์·
3.5 การเผยแพร่สื่อผ่านระบบเครือข่าย·
3.6 การสนับสนุนการทำงานเป็นทีม·
3.7 การแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์




4. เว็บศูนย์รวม (Enterprise Knowledge Portal) และ บล็อก (Blog หรือ Weblog) สำหรับการจัดการความรู้ในองค์การ ต่างกันอย่างไร มีประโยชน์ต่อองค์การอย่างไรบ้าง

ตอบ - ต่างกันคือ เว็บศูนย์ (Enterprise Konwledge Portal) เป็นการบูรราการความรู้ กลไกลการรายงาน และทำงานร่วมกัน ส่วน (Blog หรือ Weblog) เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้หรือประสบการณ์ผ่านพื้นที่ Cyber Space ทั่งสองเว็บนี้มีประโยชน์ต่อองค์การ คือเป็นเว็บที่เผยแพร่ความรู้หรือประสบการณ์ เรื่องเล่า ขององค์การ เป็นต้น

5. ปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อการจัดการความรู้ขององค์การให้ประสบความสำเร็จ จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบ

ตอบ - 5.1 การที่ได้รับการสนับสนุนจาก ผู้บริหาร เช่น บริษัท ทรู จะจัดโครงการความรู้ ขึ้นมานั้นต้องได้รับการอนุมัติ หรือการสนับสนุนจากผู้บริหารก่อน โครงการถึงจะเริ่มได้
5.2 มีเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น บริษัท ทรู กำหนดว่าการจัดทำโครงการความรู้ ขึ้นมาครั้งนี้ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ประสบการณ์และเผยแพร่ความรู้ กับกลุ่มคนในองค์การ
5.3 มีวัฒนธรรมองค์การที่เอื้อต่อการแลกเปลี่ยนและแบ่งปันความรู้ เช่น โครงการความรู้ที่จะจัดขึ้นมานั้น ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายต้องเสนอแนวคิดต่อที่ประชุม หรือการแลกเปลี่ยนความรู้ ในการจัดโครงการความรู้ครั้งนี้
5.4 มีการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ เช่น ทางบริษัท นำเอาเครื่องคอมพิวเตอร์มาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ที่จะนำมาจัดโครงการความรู้
5.5 ได้รับความร่วมมือจากบุคลากรทุกระดับ เช่น บริษัท ทรู จัดโครงการความรู้ ขึ้นมา ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ต้องทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับผิดชอบให้ดี
5.6 มีการวัดผล เช่น โครงการความรู้ที่จัดทำขึ้นมานั้น ทางบริษัท ต้องจัดคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อตรวจสอบ และวัดผลการจัดโครงการความรู้ครั้งนี้ ให้สามารถที่จะสรุปงานต่อผู้บริหารได้อย่างถูกต้อง
5.7 มีการพัฒนาการจัดการความรู้สม่ำเสมอ เช่น ทางคณะผู้เกี่ยวข้องกับโครงการความรู้ ต้องช่วยการนำแนวคิดที่เป็นประโยชน์ต่อ บริษัท มาประยุกต์ให้เป็นประโยชน์

กรณีศึกษาบทที่13 : บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับการจัดการความรู้

กรณีศึกษาบทที่13 : บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับการจัดการความรู้
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือที่รู้จักกันว่า “ทรู” เป็นผู้นำในการให้บริการสื่อสารครบวงจร และเป็นผู้ให้บริการด้านการสื่อสารรายใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปัจจัยแห่งความสำเร็จอย่างหนึ่งของ ทรู คือ ความพึงพอใจของลูกค้า ดังนั้นการให้บริการที่ดีเลิศต่อลูกค้าจึงมีความสำคัญต่อ ทรู เป็นอย่างมาก ทรู จึงจัดทำ โครงการจัดการความรู้ในส่วนสายงาน Customer Management เพื่อ สร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้าและพัฒนาการดำเนินงานรวมทั้งศักยภาพการแข่งขันขององค์การโดยใช้รูปแบบการจัดการความรู้ตามรูปที่ 13.3 ที่กล่าวข้างต้น

เป้าหมาย (Goal) ของการจัดการความรู้ คือ “TRUE KM is aim to be a center of corporate information and establishing ture knowledge sharing community”

ตัวอย่างกิจกรรมของกระบวนการจัดการความรู้



คำถาม


1. เป้าหมายในการจัดการความรู้ของบริษัท ทรู และยุทธศาสตร์ ของบริษัทเกี่ยวข้องกันอย่างไรจงอธิบาย
ตอบ - 1.1 คือ การจัดความรู้ให้กับสายงานต่างๆ เพิ่มความสามารถของสายงานและศักยภาพของพนักงานซึ่งพนักงานสามารถติดต่อแลกเปลี่ยนความรู้กันทั้งพนักงานและหาความรู้ข้อมูลสารสนเทศต่างๆที่ทางบริษัทได้เตรียมไว้ให้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลให้พนักงานมีความสามารถเพิ่มขึ้นพร้อมที่จะให้บริการลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการของบริษัท ลูกค้าจะพึงพอใจต่อการบริการของพนักงานที่พร้อมทั้งความสามารถและระยะเวลาที่ให้บริการไม่เนิ่นนาน


2. เทคโนโลยีสารสนเทศใดบ้างที่มีบทบาทสำคัญต่อการจัดการความรู้ของบริษัท ทรู และเทคโนโลยีบล็อก (Blog หรือ Weblog) จะสามารถถูกนำมาใช้ประโยชน์สำหรับการสร้าง การแลกเปลี่ยนและเผยแพร่ความรู้ได้อย่างไร
ตอบ - 2.1 ระบบจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (Document and Content Management Systems)
ระบบสืบค้นข้อมูลข่าวสาร (Search Engines)
ระบบการเรียนรู้ทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Learning)
ระบบประชุมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics Meeting Systems and VCD Conference)
ระบบการเผยแพร่สื่อผ่านระบบเครือข่าย (e-Broadcasting)
KM Website
2.2 ทางด้าน เทคโนโลยีบล็อก สามารถนำมาเป็นที่เผยแพร่ข้อมูลต่างๆที่สำคัญและจำเป็นต่อผู้ที่มาใช้ ข้อมูลมีทั้งให้ความรู้หรือความสนุกสนานแล้วแต่ผู้ที่สร้างบล็อกขึ้นมาตามความต้องการและผู้ที่เข้ามาหาข้อมูลสามารถที่ติดลงความคิดเห็นหรือข้อติเตียนต่างๆได้โดยที่ไม่เป็นข้อความที่หยาบคายหรือส่อไปในสิ่งที่ไม่ดี

คำถามท้ายบทที่ 11

1. อธิบายความหมายของระบบการวางแผนทรัพยากรองค์การและโครงสร้างของระบบ
ตอบ - ERPเป็นสารสนเทศที่บูรณาการงานหลักต่าง ๆ ขององค์การเข้าด้วยกันแบบเรียลไทม์ (real – time) เพื่อตอบสนองความต้องการข้อมูลหรือสารสนเทศโดยภาพรวมและการตัดสินใจ อย่างมีประสิทธิภาพ และทันท่วงทีระบบช่วยให้กระบวนการทำงานภายในองค์การเป็นไปโดยอัตโนมัติ รวดเร็ว ไม่ซ้ำซ้อน และสามารถช่วยลดต้นทุนทั้งระบบได้
โครงสร้างของ ERP คือ- ซอฟต์แวร์โมดูล- ฐานข้อมูลรวม- ระบบสนับสนุนการบริหารจัดการ- ระบบสนับสนุนการพัฒนาและปรับเปลี่ยน

2. องค์การจะได้รับประโยชน์และมีความท้าทายอย่างไรในการนำระบบ ERP มาใช้
ตอบ - กระบวนการบริหารระบบสามารถรวบรวมข้อมูลต่าง ๆให้กับผู้บริหารอย่างเที่ยงตรง- เทคโนโลยีพื้นฐานช่วยเชื่อมโยงระบบที่กระจัดกระจายเข้าด้วยกัน- กระบวนการการทำงานที่รวดเร็ว

3. ขั้นตอนการนำระบบ ERP มาใช้ ในองค์การมีอะไรบ้าง
ตอบ - การนำระบบ ERP มาใช้ในองค์การ ประกอบด้วยขั้นตอน 4 ขั้นตอน คือศึกษาและวางแนวคิด- การวางแผนการนำระบบมาใช้- การพัฒนาระบบ- การใช้งานและปรับเพิ่มความสามารถ

4. ปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนการตัดสินใจในการเลือกซอฟต์แวร์ ERP มีอะไรบ้าง และให้ยกตัวอย่าง ERP ในท้องตลาดมา 3 ชื่อ
ตอบ - 1. พิจารณาว่าการจะใช้ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปหรือไม่
2. ฟังก์ชันสอดคล้องกับวัตถุประสงค์และความต้องการในการนำมาใช้ขององค์การ
3. ความยืดหยุ่นในการปรับแก้ซอฟต์แวร์
4. ต้นทุนในการเป็นเจ้าของระบบ
5. การบำรุงรักษาระบบ
6. รองรับการทำงานและเทคโนโลยีในอนาคต
7. ความสามารถของผู้ขายซอฟต์แวร์

5. ความจำเป็นและประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการขยายขีดความสามารถของระบบ ERP ให้เชื่อมโยงกับระบบของคู่ค้ามีอะไรบ้าง
ตอบ - องค์การหลายแห่งมีการนำเอาซอฟต์แวร์ ERP มาใช้ในองค์การได้ขยายขีดความสามารถของระบบ ให้เชื่อมโยงกับองค์การภายนอกได้เพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลร่วมกันและประสานกระบวนการทางธุรกิจระหว่างองค์การ

กรณีศึกษาที่ 11-3 : โซ่อุปทานของบริษัทเชฟรอน เทคซาโก

กรณีศึกษาที่ 11-3 : โซ่อุปทานของบริษัทเชฟรอน เทคซาโก
บริษัท เชพรอน เทคซาโก (Chevron Texaco) เป็นบริษัทางด้านพลังงานที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก ในการสำรองน้ำมันและก๊าชธรรมชาติ และใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ทางด้านการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ทางบริษัทสูบน้ำมันและก๊าชธรรมชาติขึ้นมาในปริมาณที่เท่ากันมากว่า 11 ล้านบาร์เรลต่อวันซ่างทางบริษทสามารถกลั่นน้ำมันได้มากกว่า 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขายเชื้อเพลงและผลิตภัณฑ์ได้มากกว่า 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน และเป็นเจ้าของร้านค้าปลีกหรือปั๊มซึ่งเป็นแฟรนไชส์ของบริษัทมากกว่า 25,000 ปั๊ม ภายใต้ชื่อ Chevron Texaco และ Caltex องค์การดำเนินงานมากกว่า 180 ประเทศ นอกจากนี้ บริษัท เชฟรอน เทคซาโก ยังเป็นบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของอเมริกา มีรายได้ต่อปีเป็นเงิน 104 พันล้านเหรียญ สหรัฐ

ผู้บริหารได้กล่าวถึง
1) กระบวนการนำวัตถุดิบมาผลิต (Upstream) ในการผลิต กระบวนการดังกล่าว ประกอบไปด้วย การสำรวจ การขุดเจาะ และการสูบน้ำมัน กระบวนการเหล่านี้จะไม่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค

2) กระบวนการตามกระแส (Downstream) ซึ่งก็คือโซ่อุปทาน ซึ่งกระบวนการดังกล่าวได้แก่ การสำรองน้ำมันให้เพียงพอสำหรับการกลั่น การขนส่งน้ำมันไปยังสถานีกระจาย รวมทั้งการขนส่งน้ำมันไปยังสถานีต่างๆ กระบวนการดังกล่าวยังขาดประสิทธิภาพซึ่งเป็นปัญหาที่ลูกค้าต้องเผชิญมาเป็นเวลาหลายปี กิจกรรมเหล่านี้ถูกจัดการแบบแยกต่างหาก พนักงานที่ทำงานกับกระบวนการดังกล่าวแบ่งปันข้อมูลกันแบบระบบเดิมและใช้ซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่ไม่สามารถเชื่อมโยงถึงกันได้ ทางบริษัทต้องเจ็บปวดจากการไม่มีผลผลิตสำรองกับการกักตุนผลผลิต การไม่มีผลผลิตสำรองเกิดขึ้นเมื่อสถานีก๊าชไม่มีก๊าชสำรอง การกักตุนเกิดขึ้นเมื่อก๊าชถูกส่งไปยังปั๊มมากเกินไป บางปั๊มต้องทำการเก็บไว้และคืนในเวลาต่อมา หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า ทางบริษัทจำเป็นต้องประมาณการใช้หรือต้องคาดเดาการใช้มากกว่าความต้องการที่แท้จริง ฝ่ายการจัดการรู้ดีว่า สิ่งนี้นำมาซึ่งต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในความเป็นจริงต้นทุนนี้จำเป็นต้องตัดออกไป

มันไม่ได้หมายความว่าทางบริษัทไม่ได้ใช้ข้อมูลความต้องการในอดีตเพื่อพยาการณ์ความต้องการสำหรับสองหรือสามเดือนข้างหน้า แต่แผนการดังกล่าวไม่ดีพอ การดำเนินการควรมีศักยภาพมากกว่านี้ถ้าผู้จัดการทราบปริมาณก๊าชที่จำเป็นในวันพรุ้งนี้โดยมีพื้นฐานมาจากความต้องการที่แท้จริง ไม่ใช่มาจากการพยากรณ์ความต้องการ

บริษัทน้ำมันหลายแห่งอยู่ในจุดเดียวกันที่ต้องติดตั้งระบบการบริหารโซอุปทาง เพราะพวกเขาคาบคุมกระบวนการทั้งหมดจากการขุดเจาะไปจนถึงการเติมน้ำมันให้ปั๊ม ดังนั้นอุปทานทั้งระบบต้องอยูในการควบคุมของทางบริษัทส่งผลให้พวกเขาไม่จำเป็ฯต้องเจรจากับบริษัทอื่นๆ ด้วย พวกเขาจะเป็นทั้งผู้ผลิตและ “ผู้ซื้อ” สินค้าที่พวกเขาท้ายที่สุดต้องขายให้กับลูกค้า

ในปี ค.ศ. 1997 ฝ่ายการจัดการตัดสินใจติดตั้งระบบบริหารโซ่อุปทาน ทางบริษัทใช้ผลิตภัณฑ์จาก SAP บริษัทเยอรมันเป็นผู้เชี่ยวชาญระบบนี้ ทางบริษัทซื้อระบบริหารโซอุปทาน (SCM) มาในราคา 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ระบบ SAP ทำงานคู่กับซอฟต์แวร์ประยุกต์ที่ถูกพัฒนาเฉพาะเจาะจงให้กับบริษัท เชพรอน เทคซาโก ซึ่งบันทึกข้อมูลแบบเรียลไทม์ (Real Time) ณ สถานีก๊าช รวมทั้งสนับสนุนการวางแผนระบบสารสนเทศในอนาคตด้วย หลังจากการติดตั้ง ทางบริษัทใช้เงินไป 15 ล้านเหรียญต่อปี เพื่อการปรับปรุงและการบำรุงรักษาระบบ

หลายสิ่งเปลี่ยนไปอย่างมาก ปัจุบันเมื่อเติมก๊าชที่ปั๊มเชฟรอน เช่น มีช่องเติมน้ำมันอย่างน้อย 8 หรือ มากกว่า และบางปั๊ม ก็จะมีบริการล้างรถโดยอุปกรณ์ทันสมัยที่ไม่สามารถเห็นได้โดยคนขับรถ แต่ละแท็งก์ควบคุมโดยจอที่ดูระดับแบบอิเล็กทรอนิกส์ จอจะทำการส่งข้อมูลแบบเรียลไทม์ เกี่ยวกับสถานะของแท็งก์เข้าสายเคเบิลไปยังระบบการจัดการของสถานีแล้วส่งเป็นสัญญาณดาวเทียมไปยังระบบบริหารสินค้าคงคลังของสำนักงานของบริษัทเซพรอน เทคซาโกใน ซาน เรมอน แคลิฟอร์เนีย เมื่อระดับของก๊าชในแท็งก์ต่ำกว่าระดับที่กำหนดไว้ ข้อมูลก็จะถูกส่งไป ทำให้สถานีไม่ขาดแคลนก๊าช

ผู้จัดการใช้ข้อมูลความต้องการเพื่อทำนายความต้องการ พวกเขาไว้ใจระบบสารสนเทศมากจนกระทั่งพวกเขาใช้มันเพื่อกำหนดปริมาณน้ำมันที่ควรจะกลั่นรายเดือนด้วยการตรวจสอบรายสัปดาห์และรายวัน การวางแผนรายเดือนถูกพิจารณาว่าเสี่ยง ถ้าเพื่อว่าความต้องการไม่สามารถค้นพบ ระบบใหม่เปลี่ยนการตัดสินใจจากการพิจารณาจากการจ่าย (Supply Driven) มาเป็นการพิจารณาความต้องการ (Demand Driven) ในปีแรกของการติดตั้งระบบ ผลกำไรของทางบริษัทเพื่อขึ้นจาก 290 ล้านเหรียญ สหรัฐ มาเป็น 662 ล้านเหรียญสหรัฐด้วยความสามารถในการกลั่นและจำนวนสถานีค้าปลีกปริมาณเท่าเดิม ขณะที่การก้าวกระโดดนี้เกิดจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ ต้องขอบคุณการแทนที่คนด้วยเทคโนโลยีและการทำให้โซ่อุปทานมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ในปี ค.ศ. 2000 กำไรของทางบริษืทเซพรอน เทคซาโก เป็น 778 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อขึ้น 100 ล้านเหรียญสหรัฐจากปีก่อน

โซ่อุปทานนี้เริ่มต้นในเรมอน แคลิฟอร์เนีย และฮุสตตัน สำนักงานเท็กซัสที่ซึ่งผู้ค้าก๊าชและน้ำมันจะทำการตรวจสอบตลาด การกลั่นผลิตภัณฑ์ และแผนการขายเพื่อตัดสินใจว่าน้ำมันดิบและก๊าชเท่าใดที่พวกเขาจำเป็นต้องซื้อจากตลาดเปิด หรือแม้แต่บริษัท เชพรอน เทคซาโก ต้องซื้อน้ำมันเพราะมีการซื้อขายมากกว่าการผลิต สารสนเทศที่มีการบูรณาการแล้วมาจากสถานีแก๊ส สายการบิน และบริษัทขนส่งทั้งหมด

ข้อมูลช่วยให้บริษัทมีการวางแผนดีขึ้น ถ้าทางบริษัทสามารถทำนายความต้องการต่อเดือนได้ ผู้จัดการทั้งหลายก็จะมีเวลาในการค้นหาการซื้อขายที่น่าสนใจได้ ถ้าพวกเขาทำได้ พวกเขาสามารถประหยัดได้ถึง หนึ่งในสี่ถึงหนึ่งในสาม ของหนึ่งเซ็นต่อหนึ่งแกลอน จำนวนนี้สามารถประหยัดเงินได้ถึง 400,000 เหรีญญสหรัฐต่อเดือน ความต้องการนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับความพอใจในการขายน้ำมันแต่มันตัดสินจากปริมาณน้ำมันที่ทำการขุดและกลั่นมากเท่าใดโดยบริษัทเองต่างหาก

ข้อมูลจากสถานีส่วนบุคคลถูกใช้เพื่อวางแผนสำหรับการส่งน้ำมันอีก 5 ครั้งในแต่ละสถานี อย่างไรก็ตามแผนการขนส่งน้ำมันเป็นแผนที่มีประสิทธิภาพ ข้อมูลจะถูกปรับปรุงเมื่อมีข้อมูลการขายส่งเข้าสู่ระบบส่วนกลาง ระบบใช้อัลกอริทึมทางด้านโลจิสติกส์ เพื่อวางแผนการขนส่งรวมทั้งลดต้นทุนการขนส่งลง 6 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับระบบการวางแผนแบบเก่า

บริษัท เวพรอน เทคซาโก ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ มากกว่าหลายบริษัทในอุตสาหกรรมนี้ จากการเปรียบเทียบด้วยตารางเมทริกซ์ทางด้านอุตสาหกรรมขนาดกลาง แสดงให้เห็นความแตกต่างอย่างเด่นชัดว่า บริษัทเชพรอน เทคซาโก มีการดูแลรักษาผลผลิตของตนเองไว้เพียง 35 วัน และเป็นครึ่งหนึ่งของเวลาปกติคือ 74 วันในอุตสาหกรรมนี้ เก็บเงินจากลูกค้าเพียงแค่ 36 วัน หลังจากการขุดเจาะเปรียบเทียบกับเมื่อก่อน 84 วัน และใช้เวลาเพียง 9 วันเพื่อการเตรียมพร้อมสำหรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ จาก 20 วัน (ที่มา : Oz, 2004)


คำถาม
1. ระบบที่ใช้ในบริษัทเชพรอน เทคซาโก จัดว่าเป็นระบบบริหารทรัพยากรองค์การแบบขยายขีดความสามารถ (Extended ERP) อย่างไร ให้อธิบายพร้อมยกตัวอย่างจากรณีศึกษาประกอบ
ตอบ -
1.1 เพิ่มความสามารถในการทำนายความต้องการ พยากรณ์ปริมาณน้ำมันรายเดือน
1.2 สามารถที่จะลดระยะเวลาในการรักษาผลผลิตลงไปอีก และสามารถเรียกเก็บเงินจากลูกค้าได้ลดลงเหลือครึ่งต่อครึ่งได้พร้อมทั้งลดระยะเวลาในการเตรียมความพร้อมในด้านอื่นๆที่สามารถพัฒนาได้


2. ประโยชน์ที่ทางบริษัทเชพรอน เทคซาโกได้รับหลังจากการเปลี่ยนระบบอะไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ -
2.1 มีช่องเติมน้ำมันอย่างน้อย 8 หรือมากกว่า
2.2 มีบริการล้างรถโดยอุปกรณ์ที่ทันสมัยที่ไม่สามารถเห็นได้โดยคนขับรถ
2.3 แท็งก์ในปั้มน้ำมันจะถูกควบคุมโดยจออิเล็กทรอนิกส์ จอจะทำการส่งข้อมูลแบบเป็น เรียลไทม์คือจะส่งข้อมูลแบบช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เกี่ยวกับสถานะของแท็งก์เข้าสายเคเบิ้ลไปยังระบบการจัดการของสถานี แล้วส่งเป็นสัญญาณดาวเทียมไปยังระบบบริหารสินค้าคงคลังของบริษัทที่ แคลิฟอร์เนีย เมื่อระดับก๊าซในแท็งก์ต่ำกว่าระดับที่กำหนดไว้ ข้อมูลก็จะถูกส่งไป ทำให้สถานีไม่ขาดแคลนก๊าซ
2.4 ผู้จัดการสามารถที่จะใช้ข้อมูลเพื่อทำการทำนายความต้องการของลูกค้า ในการกำหนดปริมาณน้ำมันที่จะกลั่นรายเดือนด้วยการตรวจสอบรายสัปดาห์และรายวัน
2.5 ผลกำไรของบริษัทเชฟรอนเพิ่มขึ้นจาก 290 ล้านเหรียญสหรัฐ มาเป็น 662 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยความสามารถในการกลั่นและจำนวนของสถานีค้าปลีก
2.6เศรษกิจของบริษัทเชฟรอนเจริญเติบโตแบบไม่หยุดยั้ง เพราะการแทนที่คนด้วยเทคโนโลยีและทำให้โซ่อุปทานมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ในปี ค.ศ.2000 กำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอีก 100 ล้านเหรียญสหรัฐ มาเป็น 778 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในเพียงแค่ ปี เดียว


3. ท่านจะสเนอแนะแนวทางในการนำระบบ ERP มาใช้ปฏิรูปองค์การธุรกิจได้อย่างไรบ้าง
ตอบ -
3.1 ธุรกิจเกี่ยวกับส่งออกคอมพิวเตอร์ ควรคำนึงว่า การส่งสินค้าเป็นจำนวนมากทำให้พนักงานต้องตรวจสอบความถูกต้องโดยระเอียด และถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้นมาสินค้าที่ถูกส่งออกไปแล้วก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาต่อบริษัทได้
3.2 ประเมินผลความสามารถของบริษัทที่มีต่อคู่แข่งว่าสามารถต่อกรได้หรือไม่
3.3 พัฒนาระบบเดิมที่บกพร่องหรือขาดความสมดุลต่อบริษัท และนำระบบที่มีความสามารถที่ดีกว่าเข้ามาช่วยหรือนำไปปฎิบัติแทนที่

กรณีศึกษาที่ 11-2 : ดันกิ้นโดนัท

กรณีศึกษาที่ 11-2 : ดันกิ้นโดนัท
ดันกิ้นโดนัทเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจด้านอาหาร จึงต้องมีการวางแผนในการจัดซื้อและจัดเก็บวัตถุดิบให้เหมาะสมกับการผลิตสินค้าในแต่ละวัน บริษัทต้องมีระบบตรวจสอบว่าขนมชนิดใดที่ขายดี และจะขายดีหรือไม่ดีในช่วงเวลาใด ซึ่งจะข่วยในด้านการวางแผนการผลิตและกำหนดโปรโมชันได้อย่างเหมาะสม นอกจากนั้นยังจำเป็นต้องรู้ว่าแต่ละร้านที่ตั้งอยู่ในทำเลที่แตกต่างกันนั้นจะต้องส่งสินค้ากระจายไปแต่ละจุดเท่าใดความถี่ในการจัดส่งเป็นอย่างไรจึงจะพอดีกับอายุของสินค้า และความต้องการของลูกค้า ซึ่งจะต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายด้วย

จากความต้องการดังกล่าวและสภาพแวดล้อมการแข่งขันของตลาดโดนัทที่สูงมากขึ้น บริษัทจึงเปลี่ยนระบบการทำงานแบบเดิมที่มีลักษณะเป็นแบบแมนนวล (Manual) มาใช้ระบบ ERP สำหรับการปรับปรุงระบบหลังร้านโดยระบบ ERP ถูกนำมาช่วยในการบริหารจัดการวัตถุดิบให้มีจำนวนพอเหมาะกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละร้านซึ่งช่วยในเรื่องของการลดค่าใช้จ่ายโดยไม่ต้องมีการเหลือค้างสต๊อก ระบบช่วยปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถเชื่อมโยงและเก็บรวบรวมข้อมุลของสาขาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ฝ่ายการตลาดสามารถรับรู้ข้อมูลการขายของแต่ละร้านในช่วงเวลาต่างๆ ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้สิ้นสุดในแต่ละวัน และนำข้อมูลมาช่วยปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์แนวโน้มและวางแผนการบริหารได้อย่างทันท่วงที

คำถาม
1.การนำเอาระบบ ERP มาใช้ช่วยให้บริษัทลดค่าใช้จ่ายได้อย่างไร
ตอบ - 1.1 ลดค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อและจัดเก็บวัตถุดิบ
1.2 ลดค่าใช้จ่ายในการผลิตสินค้าของแต่ละวัน
1.3 ความพอดีกับอายุของสินค้าในการขายของแต่ละวัน
1.4 ความต้องการของลูกค้า เช่น ต่อหนึ่งวันลูกค้าอาจชอบโดนัทรสช็อคโกแล็ตมากกว่ารสสตอเบอร์รี่ถึงเท่าตัว บริษัทก็สามารถที่จะผลิตโดนัทช็อคโกแล็ตมากกว่าโดนัทสตอเบอร์รี่ได้ แต่ในทางกลับกันถ้าบริษัทผลิตโดนัทช็อคโกแล็ตให้เท่ากับโดนัทสตอเบอร์รี่ก็จะทำให้สินค้าเหลือได้ทำให้สินค้าเหลือค้างสต็อค


2. ระบบ ERP ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหารอย่างไร
ตอบ - 2.1 ระบบ ERPสามารถเชื่อมโยงข้อมูลและเก็บรวบรวมข้อมูลของสาขาต่างๆมารวมไว้ ทำให้ฝ่ายการตลาดรับรู้ข้อมูลการขายของแต่ละสาขาและส่งให้ผู้บริหารรู้ถึงยอดขายของแต่ละสาขาและพร้อมที่จะทำโปรโมชั่นที่เหมาะสมของแต่ละสาขานั้นๆ
2.2 ระบบ ERP ช่วยปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นรวมทั้งยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลแนวโน้มและวางแผนการบริหารเมื่อเกิดการผิดพลาดได้อย่างทันท่วงที ทำให้ผู้บริหารไม่ต้องมากังวลถึงจุดๆนี้ ว่าจะต้องมานั่งวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาและต้องมาเสียเวลาในการวางแผนการบริหารงานต่างๆอีก

กรณีศึกษาที่ 11-1 : ธุรกิจอะไหล่ยนต์

กรณีศึกษาที่ 11-1 : ธุรกิจอะไหล่ยนต์
บริษัททำธุรกิจอะไหล่ยนต์แห่งหนึ่งซึ่งมีที่ตั้งอยู่แถวหลังวัดเทพศิรินทร์ มีเป้าหมายในการเป็นผู้จัดจำหน่ายอะไหล่ยนต์รถญี่ปุ่นทุกยี่ห้อ บริษัทมีการนำระบบ ERP มาใช้เพื่อรับรองการขยายตัวของบริษัทในอนาคตและเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดจากการบริหารสินค้า มาตรฐานข้อมูลรหัสอะไหล่ยนต์ และความล่าช้าในการบริหารและให้ข้อมูลข่าวสารกับลูกค้า

การบริหารคลังสินค้า
บริษัทจัดเก็บสินค้าทั้งหมดไว้ภายในบริษัท มีการจัดทำรหัสสดีอกว่าเก็บอยู่จุดใด จัดทำชั้นวางทำรอกขนส่ง แต่ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ได้คุ้มค่าจึงจัดคิวให้รถนำสินค้าออกตอนเช้าและนำสินค้าเข้าตอนบ่าย

มาตรฐานข้อมูลรหัสอะไหล่ยนต์
เดิมบริษัทขายแต่อะไหล่รถอีซูซุ การออกแบบทุกอ่างจะอิงกับมาตรฐานของอีซูซุ เช่น รหัสอะไหล่ของอีซูซุ มีไม่เกิน 10 หลัก ต่อมามีการขยายฐานสินค้าออกไป พบว่ารหัสอะไหล่รถญี่ปุ่นบางยี่ห้อ เช่น นิสสัน มีรหัสอะไหล่ไม่เกิน 10 หลักเช่น แต่รถยี่ห้ออื่นๆ มีการใช้รหัสอะไหล่ที่แตกต่างกัน เช่น ฮอนด้า มีรหัสอะไหล่มากกว่า 10 หลัก

การบริหารและให้ข้อมูลข่าวสารกับลูกค้า
ลูกค้าของบริษัทมีอยู่ทั่วทุกภาคในประเทศไทย การให้ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ไปถึงลูกค้าไม่พร้อมกันทำให้เกิดภาพความไม่เป็นกลางขึ้น เช่น ข่าวสารส่งเสริมการขายของบริษัท ลูกค้าที่นครราชสีมาทราบข้อมูลข่าวสารจากมีมงานขายในวันนี้ก็จะสั่งสินค้า ตามรายการส่งเสริมการขายในวันนี้ทันที ขณะที่อีก สองวันถัดมาทีมงานขายจะไปที่หนองคาย ทำให้ลูกค้าที่หนองคายได้รับข้อมูลล่าช้าซึ่งบางครั้งเมื่อสั่งสินค้าตามรายการส่งเสริมการขายแต่สินค้าจำหน่ายหมดแล้ว หรือในกรณีอื่น เช่น ลูกค้าโทรศัพท์มาจากต่างจังหวัดเพื่อขออนุมัติก็จะต้องให้ลูกค้ารอวันรุ่งขึ้นเพราะจะต้องบอกโปรแกรมเมอร์ให้แก้ไขระบบตอนเย็น ดังนั้นส่วนลด จึงจะเปลี่ยนในวันถัดไป

เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวผนวกกับตั้งเป้าหมายสู่การเป็นผู้จัดจำหน่ายอะไหล่ยนต์ทั้งของญี่ปุ่นและยุโรปบริษัทจึงนำไอทีมาเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จะช่วยให้บริษัทเดินไปถึงเป้าหมาย มีการเปลี่ยนซอฟต์แวร์จาก BICARSA มาเป็นระบบ ERP ที่ชื่อ INFNIUM ลงทุนเช่าพื้นที่และสร้างคลังสินค้าแห่งใหม่เพื่อรองรับการบริหารจัดการร่วมกับซอฟต์แวร์ ติดตั้งและพัฒนาระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) รวมทั้งจัดซื้อและติดตั้งอุปกรณ์คอพิวเตอร์ให้กับลูกค้าอีก 70 ชุด ปัญหาข้อจัดเรื่องข้อมูลของระบบเก่าถูกแทนที่ด้วยระบบใหม่ ผู้บริหารสามารถเรียกดูข้อมูลส่วนลดได้ทันทีโดยไม่ต้องรอวันถัดไปและยังสามารถตรวจดูยอดการสั่งซื้อของลูกค้าว่าตรงกับที่ตกลงไว้หรือไม่ ระบบยังสามารถแจ้งเตือนให้ทั้งลูกค้าและบริษัททราบหากยอดการสั่งซื้อยังไม่ถึงระดับที่กำหนด การทำงานต่างๆ มีความสะดวกเพิ่มขึ้นและสามารถตอบสนองลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

คำถาม
1. บริษัทมีวัตถุประสงต์อย่างไรในการนำเอาระบบ ERP มาใช้
ตอบ - 1.1 มีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับการขยายตัวของบริษัทในอนาคต
1.2 แก้ปัญหาที่เกิดจากการบริหารคลังสินค้า มาตราฐานข้อมูลรหัส อะไหล่รถยนต์
- คลังสินค้าทั้งหมดจะอยู่ภายในบริษัท มีการจัดทำรหัสว่าสินค้าอยู่ที่จัดใด แต่ก็ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ได้คุ้มค่าจึงต้องจัดคิวให้รถนำสินค้าออกมาตอนเช้าและนำสินค้าเข้าตอนบ่าย
1.3 การบริการและการให้ข้อมูลข่าวสารกับลูกค้า
- ลูกค้าของบริษัทมีอยู่ทั่วประเทศไทย การให้ข้อมูลข่าวสารต่างๆจึงไม่ทั่วถึงและพร้อมเพียงกัน บางแห่งอาจจะได้ข้อมูลข่าวสารวันนี้แต่บางแห่งอาจจะได้วันพรุ่งนี้หรือวันถัดไป เหตุนี้เอง เลยอาจจะทำให้บริษัทเสีย เครดิต



2. ยกตัวอย่างปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนนำเอาระบบมาใช้และเมื่อใช้ระบบ ERP แล้วสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร
ตอบ - 2.1 ปัญหา การให้บริการและข่าวสารเกิดความล่าช้ากับลูกค้า ก็คือ ลูกค้าที่นครราชสีมาทราบข้อมูลข่าวสารจากทีมงานขายว่าจะสั่งสินค้าตามรายการที่ส่งเสริมการขายในวันนี้ได้ทันที ขณะที่ในอีกสองวันถัดมาทีมงานขายไปที่หนองคาย ทำให้ลูกค้าที่หนองคายได้รับข้อมูลล่าช้าซึ่งบางครั้งเมื่อสั่งสินค้าตามรายการส่งเสริมการขายแต่สินค้าจำหน่ายหมดแล้ว ก็อาจจะทำให้บริษัทเสียเครดิตอีกเช่นกัน
การแก้ปัญหา มีการเปลี่ยนซอฟต์แวร์มาเป็นระบบ ERP ชื่อว่าINFINIUM ระบบนี้สามารถแจ้งเตือนให้ทั้งลูกค้าและบริษัททราบหากยอดการสั่งซื้อยังไม่ถึงระดับที่กำหนด อีกทั้งบริษัทยังเพิ่มอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้กับลูกค้าอีก 70 ชุด ปัญหาข้อจำกัดเรื่องข้อมูลของระบบเก่าถูกแทนด้วยระบบใหม่
2.2 ปัญหา ข้อมูลข่าวสารทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในคลังสินค้าภายในบริษัท ถึงแม้จะมีการจัดสต๊อกใส่เลขรหัสเท่าใดก็ตามก็ไม่อาจที่จะสามารถทำใช้ประโยชน์จากพื้นที่ได้คุ้มค่า
การแก้ปัญหา เชื่อพื้นที่และสร้างคลังเก็บสินค้าแห่งใหม่เพื่อรองรับการบริหารจัดการร่วมกับซอฟต์แวร์ ติดตั้งและพัฒนาระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce)

คำถามท้ายบทที่ 10

1. อธิบายความหมายของกลยุทธ์ และระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์

ตอบ

กลยุทธ์ (Strategy) คือ แผนรวมขององค์การที่นำเอาข้อได้เปรียบและจุดเด่นในด้าน ต่าง ๆ มาใช้ประโยชน์ และปรับลดจุดด้อย หรือเอาชนะข้อจำกัดที่มีอยู่เพื่อแสวงหาโอกาส และ หลีกเลี่ยงอุปสรรคซึ่งจะทำให้องค์การสามารถอยู่รอดเจริญเติบโตได้ในระยะยาวรวมทั้งสามารถเอาชนะคู่แข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพภายใต้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด
ระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์ เป็นระบบสารสนเทศใด ๆ ที่ช่วยสร้างความได้เปรียบ ในการแข่งขันหรือลดความเสียเปรียบให้องค์การ

2. องค์การสามารถเลือกใช้กลยุทธ์ใดได้บ้างเพื่อรับมือแรงกดดันทางการแข่งขัน

ตอบ

กลยุทธ์ในการเป็นผู้นำด้านราคา (Cost Leadership Strategy)
กลยุทธ์สร้างความแตกต่าง (Differentiation Strategy)
กลยุทธ์เน้นกลุ่มเป้าหมาย (Focus Strategy)
3. กิจกรรมของห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) มีอะไรบ้าง และจงยกอย่างของระบบ สารสนเทศเชิงกลยุทธ์ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในแต่ละกิจกรรม

ตอบ - กิจกรรมมีดังนี้กิจกรรมหลัก (Primary Activities)1. การลำเลียงเข้า (Inbound Logistics)2. การดำเนินงานหรือการผลิต (Operations)3. การลำเลียงออก (Outbound Logistics)4. การตลาดและการขาย (Marketing and Sales)5.การบริการ (Services)กิจกรรมสนับสนุน (Support Activities)1. โครงสร้างพื้นฐานของบริษัท (Firm Infrastructure)2. การบริหารทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Management)3. การพัฒนาเทคโนโลยี (Technology Management)4. การจัดหา (Procrument)ระบบสารสนเทศจะถูกนำมาใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ของห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) เพื่อปรับปรุงกระบวนการการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายหรือเพิ่ม มูลค่าให้กับสินค้าและบริการ ซึ่งอาจรวมถึงการสร้างสินค้าและบริการใหม่

4.กลยุทธ์ธุรกิจ(Business Strategy) กับกลยุทธ์ระบบสารสนเทศ (IS Strategy) และกลยุทธ์เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT Strategy) มีความสัมพันธ์กันอย่างไร

ตอบ - แผนกลยุทธ์ธุรกิจจะเป็นแนวทางในการกำหนดทิศทางของแผนกลยุทธ์ระบบสารเทศ ในขณะที่แผนกลยุทธ์ระบบสารเทศเป็นเครื่องชี้ทางแผนกลยุทธ์เทคโนโลยีสารสนเทศให้เกิด ประโยชน์สูงสุดต่อองค์การ

5. ระบบสารสนเทศระหว่างองค์การ (Interorganizational System: IOS) มีลักษณะอย่างไรและการที่สามารถเข้าดูข้อมูลในระบบได้จะมีประโยชน์อย่างไรต่อองค์การ

ตอบ - เทคโนโลยีสารสนเทศสามารถนำมาเป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงธุรกิจขององค์การกับบริษัทพันธมิตรเข้าด้วยกัน เช่น การใช้ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์(EDI) หรือ Internet ในการเชื่อมโยงองค์การเข้ากับผู้จัดส่งวัตถุดิบในการผลิตเพื่อให้มีวัตถุเพียงพอ และในระดับที่เหมาสอกับความต้องการ ทำให้ไม่ต้องจัดเก็บวัตถุดิบไว้ในคลังมากเกินความจำเป็นซึ่งเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจัดก็บวัตถุดิบลง องค์การทำการเชื่อมโยงผู้จัดส่งวัตถุดิบเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลสารสนเทศกันและสามารถทำงานร่วมกันได้ ผู้จัดส่งวัตถุดิบสามารถเข้ามาดูข้อมูลเกี่ยวกับสถานะการผลิตของบริษัททางอิเล็กทรอนิกส์ได้ และ ทำการจัดวัตถุดิบให้ในเวลาที่ต้องการใช้โดยอัตโนมัต ิโดยที่องค์การไม่จำเป็นต้องออกใบสั่งซื้อ ซึ่งช่วยให้ลดขั้นตอนการดำเนินงานจากเดิม ลดการใช้กระดาษและลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ลงได้ทั้งองค์การและผู้จัดส่งวัตถุดิบจึงเป็นผู้รับผิดชอบในร่วมกันการผลิต

กรณีศึกษาบทที่10-4 : กลยุทธ์การบริหารสายการบินราคาประหยัดในแบบของ “นกแอร์”

กรณีศึกษาบทที่10-4 : กลยุทธ์การบริหารสายการบินราคาประหยัดในแบบของ “นกแอร์”
สายการบินนกแอร์ เป็นสายการบินราคาประหยัดสัญชาติไทย โดยมีบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ กลยุทธ์ที่นกแอร์นำมาใช้มีดังนี้


กลยุทธ์ 1 : การบินระยะสั้นจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง เป็นกลยุทธ์ที่ให้เครื่องบินสามรถบินอยู่ในอากาศมากที่สุดเพื่อให้เกิดรายได้ ถ้าบินยิ่งมาก ค่าเฉลี่ยต้นทุนของเครื่องบินก็จะต่ำลง

กลยุทธ์ 2 : การใช้เครื่องบินประเภทเดียว นกแอร์ใช้เครื่องบินโบอิ้ง 737 – 400 แบบเดียวเพื่อลดค่าใช้จ่ายในเรื่องของการดูแลรักษาเครื่องบิน และการฝึกอบรมพนักงาน

กลยุทธ์ 3 : การจำหน่ายตั๋วเครื่องบินออนไลน์ เป็นการลดค่าใช้จ่ายพนักงานในการให้บริการและสามารถให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง

กลยุทธ์ 4 : การสำรองที่นั่งได้ เป็นกลยุทธ์ ที่ใช้ในการแข่งขันที่สร้างความแตกต่างจากสายการบินราคาประหยัดอื่นๆ ลูกค้าสามารถจองที่นั่งผ่านเวบไซต์ได้อย่างสะดวก

กลยุทธ์ 5 : การตั้งหลายราคา โดยจะตั้งราคาต่ำกว่าหากลูกค้ามีการวางแผนการเดินทางและจองตั๋วล่วงหน้า ส่วนลูกค้าที่ตัดสินใจช้าก็จะต้องซ้อตั๋วในราคาที่สูงขึ้น ซึ่งในส่วนนี้นกแอร์ได้ใช้ระบบไอทีที่เรียกว่า Revenue Management System มาช่วยวิเคราะห์และวางแผนการขาย

กลยุทธ์ 6 : สายการบินราคาประหยัด เป็นการลดค่าใช้จ่ายด้วยการงดใช้บริการอาหารและเครื่องดื่มหากลูกค้าบางท่านต้องการ นกแอร์ก็มีบริการในราคาที่เหมาะสมด้วย

กลยุทธ์ 7 : เอาต์ซอร์ส เป็นการใช้พาร์ตเนอร์ มาให้บริการแทนเพื่อลดค่าใช้จ่ายในเรื่องของพนักงานที่ต้องให้บริการ เช่น คอลล์เซ็นเตอร์

กลยุทธ์ 8 : การเพิ่มรายได้จากส่วนอื่นๆ นกแอร์เลือกใช้กระดาษและเครื่องพิมพ์ Boarding Pass ถึงแม้ว่าจะมีต้นทุนที่สูงกว่ากระดาษธรรมดา แต่ก็สามารถเพิ่มรายได้จากการขายโฆษณาด้านหลังของ Boarding Pass ได้

กลยุทธ์ 9 : การลดต้นทุนด้วยการใช้ไอที นกแอร์ได้นไอทีเข้ามาช่วยการดำเนินงานทุกส่วนทั้งระบบฟรอนต์เอนด์และแบ็กเอนด์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในเรื่องของคนและงานที่เป็นแบบแมนนวลลง

กลยุทธ์ 10 : การสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า นกแอร์มุ่งให้บริการที่ดีเยี่ยมเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับผู้โดยสาร สร้างความประทับใจเพื่อลูกค้าจะได้กลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง


คำถาม
1.สายการบินนกแอร์มีการนำไอทีมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างความได้เปรียบคู่แข่งขันอย่างไรบ้าง
ตอบ -การจำหน่ายตั๋วเครื่องบินออนไลน์ เป็นการลดค่าใช้จ่ายพนักงานในการให้บริการ และสามารถให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง
- ได้ใช้ระบบไอทีที่เรียกว่า Revenue Management System มาช่วยวิเคราะห์และวางแผนการขาย
- นกแอร์ใช้ระบบการจำหน่ายตั๋วเครื่องบิน ออนไลท์ซึ่งจะลดค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานและยังสามารถจองได้ตลอด 24 ชม.


2. จากรอบแนวคิดของไวส์แมน สายการบินนกแอร์มีการใช้ระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์ในด้านใดบ้าง จงอธิบายพร้อมยกตัวอย่างประกอบ
ตอบ - เรื่องราคา สายการบินนกแอร์จะประหยัดกว่าสายการบินอื่นๆสายการบินราคาประหยัด เป็นการลดค่าใช้จ่ายโดยการงดให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม หากลูกค้าบาท่านต้องการ นกแอร์ก็มีบริการในราคาที่เหมาะสมด้วย สามารถเลือกที่นั่งตามใจชอบผ่านทางออนไลท์ได้ตามความพอใจของลูกค้า
- กลยุทธ์ด้านผู้ประกอบการ สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า นกแอร์มุ่งให้บริการที่ดีเยี่ยมเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับผู้โดยสารที่เข้ามาใช้บริการ เพื่อลูกค้าจะได้กลับมาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

กรณีศึกษาบทที่10-3 : ระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์ของบริษัทไฟเซอร์

กรณีศึกษาบทที่10-3 : ระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์ของบริษัทไฟเซอร์
สืบเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในอุตสาหกรรมด้านการดูแลสุขภาพ บริษัทผลิตยาต่างๆ มีการปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ซึ่งนอกจากจะจัดจำหน่ายยาแล้วยังรวบรวมและให้ข้อมูลด้านสุขภาพกับลูกค้าด้วย การจัดการด้านการดูแลสุขภาพทำให้บริษัทยาต้องเปลี่ยนแนวทางในการธุรกิจ โดยในอุตสาหกรรมยาจะมีการเคลื่อนเข้าสู่การบริหารองค์ความรู้ (Knowledge Management) หรือความสามารถในการนำข้อมูลจากแหล่งต่างๆ มาประยุกต์ใช้ในเชิงกลยุทธ์ บริษัทยาจะใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเครื่องมือทางกลยุทธ์เพื่อให้ได้สารสนเทศที่สำคัญและเป็นการเพิ่มคุณค่าของการบริการให้กับลูกค้า
บริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) ได้นำระบบการขาย (Sales-force Automation) มาใช้โดยระบบนี้ช่วยให้ตัวแทนขายสามารถให้ข้อมูลกับแพทย์เกี่ยวกับราคา ผลข้างเคียง และประสิทธิผลของยา บริษัททำการเชื่อมโยงผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเข้ากับซัพพลายเออร์และคู่ค้าของบริษัท รวมถึงการเชื่อมโยงห้องทดลองวิจัยของบริษัทผ่านทางเครือข่าย (Private Network) ที่เรียกว่า “VendorGate” เข้ากับคู่สัญญาทั่วโลก (Gordon & Gordon,1999:443)


คำถาม
1. การที่พนักงานขายมีความรู้เกี่ยวกับผลข้างเคียงและประสิทธิผลของยา มีความสำคัญต่อบริษัทไฟเซอร์ (Pfizer Pharmaceuticals) อย่างไร
ตอบ - พนักงานสามารถบอกกับผู้ซื้อยาว่าคุณสมบัติยาและผลข้างเคียงของยาเป็นอย่างไร และสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้ลูกค้าที่มาใช้บริการและองค์กร

2. บริษัทไฟเซอร์มีการเพิ่มคุณภาพของการบริการให้กับลูกค้าอย่างไร
ตอบ - บริษัทได้นำระบบขาย (Sales-force automation) มาใช้เพื่อตัวแทนขาย ทำให้สามารถรู้ผลข้างเคียงของยา ราคา ประสิทธิภาพ และสามารถที่จะอธิบายตัวยาต่างๆได้ว่าเป็นเช่นไร และยังมีบริการผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตติดต่อกับลูกค้าและบริษัทผู้ขายและยังเชื่อมโยงไปยังห้องทดลองวิจัยของบริษัทผ่านเครือข่ายที่เรียกว่า VendorGate

กรณีศึกษาบทที่10-2 : ร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น (7-eleven) ในประเทศญี่ปุ่น

กรณีศึกษาบทที่10-2 : ร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น (7-eleven) ในประเทศญี่ปุ่น
บริษัทอิโตะ โยคาตะ (Ito-Yokada) เป็นบริษัทที่สามารถทำกำไรได้สูงสุดในธุรกิจค้าปลีกของญี่ปุ่นในปี พ.ศ. 2517 บริษัทซื้อลิขสิธิ์การทำธุรกิจร้านสะดวกซื้อแบบค้าปลีก (7-eleven) จากบริษัทเซาเธิร์นคอร์เปอร์เรชัน (Southern Corporation) ที่ตั้งอยู่ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา และเปิดร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น (7-eleven) ร้านแรกในญี่ปุ่นในเดือน พฤษภาคม 2517 กิจการของบริษัทประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีและได้ขยายสาขาเป็น 5,000 ร้านทั่วญี่ปุ่น ในขณะเดียวกันเซเว่นอีเลฟเว่น ที่เป็นบริษัทแม่ซึ่งก็คือ บริษัทเซาเธอร์น คอร์เปอร์เรชัน ได้ทำการขยายเครือข่ายออกไปเช่นกัน แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จนักทำให้บริษัทมีหนี้สินจำนวนมากจนในกระทั่งในปี พ.ศ. 2533 บริษัทอิโตะ โยคาดะ ได้เข้ามาซื้อกิจการ 70 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทเซาเธิร์น คอร์เปอร์เรชันในช่วงที่ เซเว่น-อีเลฟเว่น ในสหรัฐอเมริกาประสบปัญหาสูญเสียเงินเป็นจำนวนมากนั้น เซเว่น-อีเลฟเว่น ในประเทศญี่ปุ่นกลับสามารถทำกำไรได้มากว่า 40 เปอร์เซ้นต์ของยอดขายหรือคิดเป็นกำไร 680 ล้านเหรียญของยอดขาย 1.44 พันล้านดอลลาร์ และเป็นกำไรที่มากกว่ากำไรของ เซเว่น-อีเลฟเว่น สหรัฐอเมริกากำลังจะล้มละลาย คำตอบก็คือ บริษัทอิโตะ โยคาดะ ใช้ระบบสารสนเทศในการมุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก


ษริษัท อิโตะ โยคาดะ ลงทุนในระบบสารสนเทศ 200 ล้านเหรียญดอลลาร์สำหรับร้านค้าย่อย ของเซเว่น-อีเลฟเว่น ในช่วยปี 2533 โดยมีเป้าหมาย คือ

ค้นพบให้ว่าใครเป็นลูกค้าของร้านและลูกค้ามีความต้องการอะไร
พัฒนาระบบติดตามการเคลื่อนไหวของสินค้า

ระบบสารสนเทศนี้จะวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า ซึ่งพนักงานขายหน้าร้าน เซเว่น-อีเลฟเว่น จะทำการบันทึกข้อมูลของลูกค้า เช่น เพศ และคาดคะเนอายุทุกครั้งที่มีการซื้อสินค้า สำหรับข้อมูลอื่นๆ อย่างเช่น ประเภทสินค้า จำนวนสินค้า ราคาสินค้า ตำแหน่งที่ตั้งของร้าน เวลาที่ซื้อจะถูกนำเข้าระบบโดยอัตโนมัติด้วยวิธีนี้ทำให้บริษัททราบว่า ใครซื้ออะไรที่ไหน และเวลาใดของวัน ทำให้สามารถติดตามและวิเคราะห์ความชอบของลูกค้าได้ นอกจากนั้นพนักงานขายในร้านยังบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าที่ลูกค้าอยากจะซื้อแต่ไม่มีจำหน่ายในร้าน ด้วยวิธีนี้ช่วยให้ทางร้านสามารถเลือกสินค้าเข้าร้านและมีจำนวนสินค้าที่เหมาะสมและยังสามารถปรับปรุงดัดแปลงสินค้าหรือผลิตสินค้าเป็นพิเศษกับความต้องการของลูกค้า


นอกจากนี้เซเว่น-อีเลฟเว่น ยังมีระบบสารสนเทศที่ช่วยให้ข้อมูล ความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดของทางร้านเป็นอย่างดี ด้วยระบบสารสนเทศที่เรียกว่า “Time-Distribution System” ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลและเข้าใจพฤติกรรมการบริโภคสินค้าของลูกค้า ทำให้ทางร้านรู้ว่าความต้องการสินค้าของลูกค้าแต่ละแห่ง และความต้องการในช่วงเช้าและบ่ายแตกต่างกัน ข้อมูลนี่ช่วยให้ผู้จัดการร้านสามารถเลือกสินค้ามาวางหน้าร้านในช่วงเช้าและบ่ายได้อย่างเหมาะสมเนื่องจากทางร้าน เซเว่น-อีเลฟเว่น แต่ละร้านมีพื้นที่อย่างจำกัด และพื้นที่ราคาแพง ระบบจึงช่วยให้ เซเว่น-อีเลฟเว่น ใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่าและตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี ทำให้ยอดขายและความพึงพอใจของลูกค้าเพิ่มขึ้น (Turban,et al., 2001:109)


คำถาม
1. ปัจจัยที่ทำให้ร้าน เซเว่น-อีเลฟเว่น ในประเทศญี่ปุ่นประสบความสำเร็จ
ตอบ - ใช้ระบบสารสนเทศมุ่งตอบสนองของลูกค้าเป็นหลัก

2. เหตุใดสารสนเทศเกี่ยวกับความต้องการของลูกค้าในช่วงเช้าและบ่ายจึงมีความสำคัญต่อการบริหารจัดการเซเว่น-อีเลฟเว่น ในประเทศญี่ปุ่น
ตอบ - ทำให้พนักงานร้านสามารถเลือกสินค้ามาวางในช่วงเช้าและช่วงบ่ายได้ถูกต้องตามความต้องการของลูกค้า และลูกค้าก็จะเข้ามาเลือกซื้อสินค้าในช่วงระยะเวลาที่ตนเองต้องการ และจะสามารถซื้อสินค้าโดยใช้เวลาไม่มากนักจึงทำให้ลูกค้าพึงพอใจและพนักงานขายก็ทำกำไรในขั้นที่ดี

กรณีศึกษาบทที่10-1 : บริษัท แคททิพลลาร์ (Caterpilar : CAT) กับระบบสารสนเทศเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

กรณีศึกษาบทที่10-1 : บริษัท แคททิพลลาร์ (Caterpilar : CAT) กับระบบสารสนเทศเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

บริษัทแคทพิพิลลาร์ หรือ CAT ตั้งอยู่ที่รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา เป็นบัทดำเนินธุรกิจเครื่องจักรในการก่อสร้างชั้นนำระดับโลก ตัวอย่างสินค้า เช่น รถแทร็กเตอร์ ฯลฯ ในปี พ.ศ. 2524 บริษัทต้องพบกับปัญหาในการแข่งขันอย่างรุนแรงจากคู่แข่งขันที่สำคัญอย่างโคมัดซึ (Komatsu) ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนำรถแทร็กเตอร์เกลี่ยดินออกขายในสหรัฐอเมริกาด้วยราคาที่ต่ำกว่าของบรัทถึง 40% ทำให้ CAT ต้องตัดสินใจตัดราคาลง ประกอบกับเป็ฯช่วงเวลาที่เศรษฐกิจตกต่ำ มีการประท้วงด้านแรงงานเป็นเวลานานยิ่งทำให้สถานการณ์ของบริษัทเลวร้ายลงไป ผลประกอบการของบริษัทในปี พ.ศ. 2528 ขาดทุนสะสม ถึง 953 ล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทจึงตัดสินใจปิดโรงงาน ให้พนักงานออกและตัดค่าใช้จ่าย แต่การแก้ปัญหาโดยวิธีนี้กลับไม่ได้ผลเพราะส่วนแบ่งตลาดและขาดทุนเพิ่มขึ้นเมื่อวิเคราะห์ถึงสถานการณ์และปัญหาที่เกิดขึ้น ผู้บริหารจึงตัดสินใจนำไอทีมาแก้ปัญหาเนื่องจากมองเห็นว่าเป็นเพียงแนวทางเดียวที่จะสามารถแก้ปัญหาได้ โดยในระยะแรกมีการนำโครงการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในบริษัทซึ่งใช้เวลา 8 ปีและใช้การลงทุนถึง 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ระบบที่ CAT นำมาใช้ในโรงงานต่างๆ เช่น

หุ่นยนต์ (Robots)
ระบบคอมพิวเตอร์ในการออกแบบ (Computer – Aided Design : CAD)
ระบบคอมพิวเตอร์ช่วยในการผลิต (Computer – Aided Manufacturing : CAM)
ระบบอื่นๆ เช่น ระบบวางแผนและบริหารการผลิต (Manufactruing Resource Planning : MRPII) ระบบจัดซื้อ (Purchasing System) และระบบโลจิสติกส์ (Logistics Systems) สิ่งที่ CAT ได้รับจากการนำเอาระบบคอมพิวเตอร์เหล่านี้มาใช้ คือ

สามารถลดสินค้าที่ต้องจัดเก็บในคลังได้ 60 % และประหยัดค่าใช้จ่ายหลายล้านเหรียญสหรัฐ โดยไม่
จำเป็นต้องปลดพนักงานออก
กระบวนการผลิตง่ายขึ้น
ทำการปิดโรงงานหรือคลังสินค้าใดที่มีค่าใช้จ่ายสูง
เวลาในการผลิตสินค้าลดลงจาก 45 วัน เป็น 10 วัน
การส่งสินค้าให้ลูกค้าได้ตรงเวลาเพิ่มขึ้น 70%

นอกจากนั้นบริษัทยังนำระบบจัดการซ่อมบำรุงและจัดหาชิ้นส่วนทดแทนมาใช้กับตัวแทนขาย (Dealers) และลูกค้า (Customers) ซึ่งระบบนี้ช่วยให้ตัวแทนขายสามารถหาชิ้นส่วนให้กับลูกค้าได้รวดเร็วขึ้นและช่วยให้สินค้าคงคลังอยูในระดับที่ต่ำ
สำหรับระบบงานด้านไอทีที่สำคัญอื่น ๆ เช่น

ทำการเชื่อมโยง (Global Network) เทอร์มินัล 7,000 เครื่อง เข้ากับพนักงาน 50,000 คนและตัวแทนขาย 180 รายใน 1,000 แห่ง ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงผ่านไฟเบอร์ออปติกและดาวเทียม และเป็นการรองรับงานที่เกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDI) อินเทอร์เน็ต ระบบงานสื่อสารอื่นๆ รวมถึงกิจกรรมต่างๆ ทางด้านอินทราเน็ต

ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหาร (Executive Information System : EIS) เพื่อช่วยในการวิเคราะห์ หาแนวโน้ม และประเมิณการดำเนินงานของตัวแทนขาย


ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (EDI) สำหรับตัวแทนขายและลูกค้า


ระบบอินทราเน็ต (Intranet) โดยพนักงานของ CAT ประมาณ 95% สามารถเข้าถึงข้อมูลขององค์การได้


ในปี ค.ศ. 1993 บริษัท CAT หลักสถานการณ์กลับกลายมาเป็นบริษัทที่แข็งแกรงกว่าคู่แข่งขันสามารถควบคุมตลาดเครื่องจักรสำหรับการก่อสร้างในสหรัฐอเมริกาได้มากกว่า 30% ถึงแม้ว่าบริษัทสามารถขายสินค้าในตลาดต่างประเทศได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของยอดขายทั้งหมด แต่ยังสามารถรักษางานและโรงงานในสหรัฐอเมริกาได้ ผลจากความพยายามของบริษัททำให้ได้รับรางวัล “Excellence in IS” จาก Information Week’s 1991 และมีผลต่อคู่แข่งขันรายใหญ่อย่างโคมัดซึเปลี่ยนกลยุทธ์จากรถเกลี่ยดินเพื่อเลี่ยงการชนกับ CAT


ด้วยชื่อเสียงและภาพพจน์ที่ดีด้านเครื่องจักรสำหรับการก่อสร้าง บริษัทให้ลิขสิทธิ์การใช้เครื่องหมายการค้า “Caterpilar” กับบริษัทที่ผลิตสินค้าแฟชั่น เช่น เสื้อแจ็คเก็ตและรองเท้า ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นเครื่องแต่งกายของคนงาน แต่ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดในการสร้างภาพลักษณ์ของเครื่องแต่งงานว่าเหมาะกับผู้ใส่ที่มีบุคลิกแข็งแกรงบึกบึนเหมือนรถแบคโอ สินค้าดังกล่าวกลับได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มวัยรุ่นทำให้ยอดายเสื้อผ้าสูงปีละ 35,000 ล้านบาทและยอดขายรองเท้าถึงปีละ 8 ล้านคู่ (Turban,et al.,2001:75)


คำถาม

1. คู่แข่งที่สำคัญของบริษัทแคททิพิลลาร์คือบริษัทใด
ตอบ
โคมัดซึ (Komatsu) ของประเทศญี่ปุ่น


2. ระบบสารสนเทศช่วยให้บริษัทได้เปรียบเทียบการแข่งขันอย่างไร
ตอบ -
ทำให้บริษัทมียอดขายเพิ่มมากขึ้น และสามารถครองตลาดได้มากกว่าคู่แข่ง
สามารถลดสินค้าคงคลังและลดค่าใช้จ่ายคลัง ขั้นตอนการผลิตง่ายขึ้น ลำดับขั้นในการทำงานลดลง สามารถติดต่อกับลูกค้าได้สะดวกรวดเร็ว พนักงานในบริษัทมีประสิทธิภาพมากขึ้นและเข้าถึงข้อมูลได้มาก

กรณีศึกษาบทที่ 9

การใช้ระบบผู้เชียวชาญที่บริษัท อเมริกัน เอ็กซ์เพรส

1. ระบบ Authoriszer’s Assistant ช่วยปรับปรุงกระบวนการพิจารณอนุมัติวงเงิน

ค่าใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของบริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพรส อย่างไร

ตอบ -
ธุรกรรม 1 ใน 4 ของทั้งหมด จะถูกพิจารณาด้วยระบบดังกล่าว ซึ่งระบบ สามารถดำ

เนินการได้จนจบกระบวนการโดยไม่จำเป็นต้องใช้การพิจารณาของมนุษย์ร่วมด้วย ในกรณเหล่าี

นี้ระบบจะทำการตัดสินใจ และ ส่งข้อมูลให้การพิจารณาอนุมัติให้กับร้านค้าได้ โดยตรง แต่ อีก3

ใน4 ระบบจะส่งผ่านการตัดสินใจให้พนักงานพิจารณาด้วยตนเอง พร้อมกับส่งหมายเลขการแจ้ง

เตือนเหตุผลของการส่งผ่านการตัดสินใจให้เจ้าหน้าที่ คำแนะนำที่จะใช้ในการพิจารณา อนุมัติ

หรือปฏิเสธ และข้อมูลที่ใช้ประกอบการตัดสินใจที่ดึงมาจากฐานข้อมูลแล้วหากเจ้าหน้าที่ไม่เห็น

ด้วยกับการตัดสินใจของระบบ เจ้าหน้าที่สามารถใช้การตัดสินใจของตนเองแทนได้


2.จงบอกถึงข้อดีที่ระบบ Authoriszer’s Assistant ถูกนำมาใช้ประเมินพฤติกรรมการซื้อ

สินค้าของลูกค้าในระหว่างการตัดสินใจเพื่อพิจารณาอนุมัติ หรือให้คำแนะนำ

ตอบ - ระบบใหม่นี้ช่วยให้การตัดสินใจอนุมัติหรือปฏิเสธวงเงินรวดเร็วขึ้นกว่าระบบเดิม


3. ท่านคิดว่าระบบ Authoriszer’s Assistant ช่วยสนับสนุนการบริการลูกค้าหรือ

ไม่ จงให้เหตุผล


ตอบ -
ช่วยสนับสนุน เพราะระบบจะช่วยเตือนลูกค้าที่ยังมียอดค้างชำระอยู่ ทำให้ลูกค้าจะได้

ไม่ใช้วงเงินจนเกินความสามารถที่ตนจะชำระได้ อีกทั้งระบบยังช่วยในเรื่องของการถูกบุคคลอื่น

ที่ไม่ใช่เจ้าของบัตรขโมยบัตรเครติดไปใช้ได้ เนื่องจากระบบมีการส่ง ข้อมูลที่ ใช้ในการระบุตัว

ของลูกค้า หรือ ระบุเลขบัตรประจำตัวประชาชน ให้กับร้านค้าโดยตรง


4. ข้อมูลที่ได้จากระบบ Authoriszer’s Assistant จะถูกใช้โดยแผนกลงทุนและ

ประกันของบริษัทได้อย่างไร และข้อมูลจากแผนกส่งเสริมการลงทุนและประกันจะ

ถูกนำมาใช้ในการให้คำแนะนำของระบบ Authoriszer’s Assistant ได้อย่างไร


ตอบ -
ข้อมูลที่ได้จากระบบจะทำให้แผนกลงทุและประกันของบริษัทรู้ถึงพฤติกรรมการใช้

จ่าย ตลอดจนถึงวิถีการดำเนินชีวิต รวมไปถึงรสนิยมของลูกค้าโดยดูจากรายละเอียดที่ได้จาก

การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ซึ่งข้อมูลที่ได้นี้จะทำให้ทางบริษัทสามารถจัดแผนการลงทุน และ

ประกันต่างๆ เสนอให้กับลูกค้าได้อย่างเหมาะสม




5. ระบบเครือข่ายนิวรอน (Neuron Network) จะช่วยปรับปรุงกระบวนการพิจารณาิ

อนุมัตวงเงินค่าใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตได้อย่างไร และจะถูกนำมาใช้ในแผนกส่งเสริม

การลงทุนและประกันได้อย่างไร


ตอบ -
ระบบจะช่วยให้คำแนะนำการตัดสินใจให้กับเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการอนุมัติหรือปฏิเสธ

วงเงินสำหรับการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถตัดสินใจ ได้อย่างถูกต้อง และ

รวดเร็ว

พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมาย ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑
พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐”

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓
ในพระราชบัญญัตินี้ “ระบบคอมพิวเตอร์” หมายความว่า อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมการทำงานเข้าด้วยกัน โดยได้มีการกำหนดคำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใด และแนวทางปฏิบัติงานให้อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลโดยอัตโนมัติ
“ข้อมูลคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูล ข้อความ คำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้ และให้หมายความรวมถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
“ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแสดงถึงแหล่งกำเนิด ต้นทาง ปลายทาง เส้นทาง เวลา วันที่ ปริมาณ ระยะเวลาชนิดของบริการ หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์นั้น
“ผู้ให้บริการ” หมายความว่า
(๑) ผู้ให้บริการแก่บุคคลอื่นในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต หรือให้สามารถติดต่อถึงกันโดยประการอื่น โดยผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการในนามของตนเอง หรือในนามหรือเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
(๒) ผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
“ผู้ใช้บริการ” หมายความว่า ผู้ใช้บริการของผู้ให้บริการไม่ว่าต้องเสียค่าใช้บริการหรือไม่ก็ตาม
“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวง เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้

หมวด ๑
ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

มาตรา ๕ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้น มิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๖ ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะถ้านำมาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๗ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๘
ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมิได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๙ ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๐
ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๑ ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท

มาตรา ๑๒
ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๐
(๑) ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้นในทันทีหรือในภายหลัง และไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
(๒) เป็นการกระทำโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือการบริการสาธารณะ หรือเป็นการกระทำต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท
ถ้าการกระทำความผิดตาม (๒) เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี

มาตรา ๑๓
ผู้ใดจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดตามมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๐ หรือมาตรา ๑๑ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๑๔
ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(๑) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
(๒) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(๓) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(๔) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
(๕) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (๑)(๒) (๓) หรือ (๔)

มาตรา ๑๕
ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา ๑๔ ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๑๔

มาตรา ๑๖ ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือ
ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่ง เป็นการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยสุจริต ผู้กระทำไม่มีความผิด ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายในความผิดตามวรรคหนึ่งตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือ บุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย

มาตรา ๑๗ ผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้นอกราชอาณาจักรและ
(๑) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้เกิดขึ้นหรือผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ หรือ
(๒) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนต่างด้าว และรัฐบาลไทยหรือคนไทยเป็นผู้เสียหายและผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ
จะต้องรับโทษภายในราชอาณาจักร

หมวด ๒
พนักงานเจ้าหน้าที่

มาตรา ๑๘
ภายใต้บังคับมาตรา ๑๙ เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนและสอบสวนในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ เฉพาะที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิดและหาตัวผู้กระทำความผิด
(๑) มีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้มาเพื่อให้ถ้อยคำ ส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือ หรือส่งเอกสาร ข้อมูล หรือหลักฐานอื่นใดที่อยู่ในรูปแบบที่สามารถเข้าใจได้
(๒) เรียกข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์จากผู้ให้บริการเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์หรือจากบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง
(๓) สั่งให้ผู้ให้บริการส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้บริการที่ต้องเก็บตามมาตรา ๒๖ หรือที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมของผู้ให้บริการให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
(๔) ทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ จากระบบคอมพิวเตอร์ที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในกรณีที่ระบบคอมพิวเตอร์นั้นยังมิได้อยู่ในความครอบครองของพนักงานเจ้าหน้าที่
(๕) สั่งให้บุคคลซึ่งครอบครองหรือควบคุมข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ ส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ดังกล่าวให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
(๖) ตรวจสอบหรือเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด อันเป็นหลักฐานหรืออาจใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือเพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดและสั่งให้บุคคลนั้นส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ที่เกี่ยวข้องเท่าที่จำเป็นให้ด้วยก็ได้
(๗) ถอดรหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด หรือสั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ ทำการถอดรหัสลับ หรือให้ความร่วมมือกับพนักงานเจ้าหน้าที่ในการถอดรหัสลับดังกล่าว
(๘) ยึดหรืออายัดระบบคอมพิวเตอร์เท่าที่จำเป็นเฉพาะเพื่อประโยชน์ในการทราบรายละเอียดแห่งความผิดและผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้

มาตรา
๑๙ การใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ
(๘) ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อมีคำสั่งอนุญาตให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามคำร้อง ทั้งนี้ คำร้องต้องระบุเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลใดกระทำหรือกำลังจะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ เหตุที่ต้องใช้อำนาจ ลักษณะของการกระทำความผิด รายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดและผู้กระทำความผิด เท่าที่สามารถจะระบุได้ ประกอบคำร้องด้วยในการพิจารณาคำร้องให้ศาลพิจารณาคำร้องดังกล่าวโดยเร็วเมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตแล้ว ก่อนดำเนินการตามคำสั่งของศาล ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งสำเนาบันทึกเหตุอันควรเชื่อที่ทำให้ต้องใช้อำนาจตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ (๘) มอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐาน แต่ถ้าไม่มีเจ้าของหรือผู้ครอบครองเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ ณ ที่นั้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งมอบสำเนาบันทึกนั้นให้แก่เจ้าของหรือ
ผู้ครอบครองดังกล่าวในทันทีที่กระทำได้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้เป็นหัวหน้าในการดำเนินการตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ
(๘) ส่งสำเนาบันทึกรายละเอียดการดำเนินการและเหตุผลแห่งการดำเนินการให้ศาลที่มีเขตอำนาจภายในสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาลงมือดำเนินการ เพื่อเป็นหลักฐานการทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามมาตรา ๑๘ (๔) ให้
กระทำได้เฉพาะเมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ และต้องไม่เป็นอุปสรรคในการดำเนินกิจการของเจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นเกินความจำเป็น การยึดหรืออายัดตามมาตรา ๑๘ (๘) นอกจากจะต้องส่งมอบสำเนาหนังสือแสดงการยึดหรืออายัดมอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐานแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งยึดหรืออายัดไว้เกินสามสิบวันมิได้ ในกรณีจำเป็นที่ต้องยึดหรืออายัดไว้นานกว่านั้น ให้ยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อขอขยายเวลายึดหรืออายัดได้ แต่ศาลจะอนุญาตให้ขยายเวลาครั้งเดียวหรือหลายครั้งรวมกันได้อีกไม่เกินหกสิบวัน เมื่อหมดความจำเป็นที่จะยึดหรืออายัดหรือครบกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องส่งคืนระบบคอมพิวเตอร์ที่ยึดหรือถอนการอายัดโดยพลัน หนังสือแสดงการยึดหรืออายัดตามวรรคห้าให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๒๐ ในกรณีที่การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่อาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามที่กำหนดไว้ในภาคสองลักษณะ ๑ หรือลักษณะ ๑/๑ แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือที่มีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคำร้อง พร้อมแสดงพยานหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอำนาจขอให้มีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้ ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้ระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการระงับการทำให้แพร่หลายนั้นเอง หรือสั่งให้ผู้ให้บริการระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นก็ได้

มาตรา ๒๑ ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่พบว่า ข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดมีชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์รวมอยู่ด้วย พนักงานเจ้าหน้าที่อาจยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อขอให้มีคำสั่งห้ามจำหน่ายหรือเผยแพร่ หรือสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นระงับการใช้ ทำลายหรือแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้ หรือจะกำหนดเงื่อนไขในการใช้ มีไว้ในครอบครอง หรือเผยแพร่ชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์ดังกล่าวก็ได้ชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์ตามวรรคหนึ่งหมายถึงชุดคำสั่งที่มีผลทำให้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์หรือชุดคำสั่งอื่นเกิดความเสียหาย ถูกทำลาย ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมขัดข้อง หรือปฏิบัติงานไม่ตรงตามคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือโดยประการอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวงทั้งนี้ เว้นแต่เป็นชุดคำสั่งที่มุ่งหมายในการป้องกันหรือแก้ไขชุดคำสั่งดังกล่าวข้างต้น ตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา

มาตรา ๒๒
ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่เปิดเผยหรือส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ให้แก่บุคคลใดความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับการกระทำเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีกับพนักงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่
โดยมิชอบ หรือเป็นการกระทำตามคำสั่งหรือที่ได้รับอนุญาตจากศาลพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดฝ่าฝืนวรรคหนึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


มาตรา ๒๓ พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๒๔ ผู้ใดล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ และเปิดเผยข้อมูลนั้นต่อผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

มาตรา ๒๕ ข้อมูล ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามพระราชบัญญัตินี้ ให้อ้างและรับฟังเป็นพยานหลักฐานตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือกฎหมายอื่นอันว่าด้วยการสืบพยานได้ แต่ต้องเป็นชนิดที่มิได้เกิดขึ้นจากการจูงใจมีคำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือโดยมิชอบประการอื่น

มาตรา ๒๖
ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้ไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับแต่วันที่ข้อมูลนั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ แต่ในกรณีจำเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งให้ผู้ให้บริการผู้ใดเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้เกินเก้าสิบวัน แต่ไม่เกินหนึ่งปีเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายและเฉพาะคราวก็ได้ ผู้ให้บริการจะต้องเก็บรักษาข้อมูลของผู้ใช้บริการเท่าที่จำเป็นเพื่อให้สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการ นับตั้งแต่เริ่มใช้บริการและต้องเก็บรักษาไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับตั้งแต่การใช้บริการสิ้นสุดลง ความในวรรคหนึ่งจะใช้กับผู้ให้บริการประเภทใด อย่างไร และเมื่อใด ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ผู้ให้บริการผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรานี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท


มาตรา ๒๗
ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งตามมาตรา ๑๘ หรือมาตรา ๒๐ หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลตามมาตรา ๒๑ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาทและปรับเป็นรายวันอีกไม่เกินวันละห้าพันบาทจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง

มาตรา ๒๘
การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้และความชำนาญเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ และมีคุณสมบัติตามที่รัฐมนตรีกำหนด

มาตรา ๒๙ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามีอำนาจรับคำร้องทุกข์หรือรับคำกล่าวโทษ และมีอำนาจในการสืบสวนสอบสวนเฉพาะความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในการจับ ควบคุม ค้น การทำสำนวนสอบสวนและดำเนินคดีผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ บรรดาที่เป็นอำนาจของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หรือพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประสานงานกับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ให้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรัฐมนตรีมีอำนาจ ร่วมกันกำหนดระเบียบเกี่ยวกับแนวทางและวิธีปฏิบัติในการดำเนินการตามวรรคสอง

มาตรา ๓๐
ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวต่อบุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง บัตรประจำตัวของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
นายกรัฐมนตรี


หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากในปัจจุบันระบบคอมพิวเตอร์ได้เป็นส่วนสำคัญ ของการประกอบกิจการ และการดำรงชีวิตของมนุษย์ หากมีผู้กระทำด้วยประการใด ๆ ให้ระบบคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานตามคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือทำให้การทำงานผิดพลาดไปจากคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือใช้วิธีการใด ๆ เข้าล่วงรู้ข้อมูล แก้ไข หรือทำลายข้อมูลของบุคคลอื่น ในระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ หรือใช้ระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ หรือมีลักษณะอันลามกอนาจาร ย่อมก่อให้เกิดความเสียหาย กระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งความสงบสุขและศีลธรรมอันดีของประชาชน สมควรกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตรา

วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551

กรณีศึกษาบทที่ 8

กรณีศึกษา: ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูงที่บริษัทเฮิร์ตซ์

กรณีศึกษา: ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูงที่บริษัทเฮิร์ตซ์ : An Executive Ilformation System at Hertz Corporationเฮิร์ตซ์ (Hertz) เป็นบริษัทให้บริการเช่ารถยนต์รายใหญ่ที่สุดของธุรกิจการเช่ารถ โดยให้บริการเช่ารถในหลายร้อยแห่งทั่วโลก เละมีคู่แข่งที่สำคัญหลายสิบรายการตัดสินใจด้านการตลาดของธุรกิจให้บริการเช่ารถยนต์จะขึ้นอยู่กับปัจจัยสิ่งแวดล้อมของแต่ละแห่งซึ่งจำเป็นต้องอาศัยสารสนเทศเพื่อประกอบการตัดสินใจ เช่น สารสนเทศเกี่ยวกับสถานที่ เทศการกิจกรรมเกี่ยวกับการท่องเที่ยว การสนับสนุนการขายที่ผ่านมา ข้อมูลของผู้แข่งขัน รวมถึงพฤติกรรมของลูกค้า ฯลฯ ด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาลเช่นนี้การประมวลผลย่อมต้องอาศัยคอมพิวเตอร์อย่างแน่นอน แต่ปัญหาที่บริษัทฯพบก็คือ จะสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและนำมาใช้อย่างเหมาะสมได้อย่างไรบริษัทตระหนักดีว่าการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญจึงได้พัฒนาระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (DSS) ขึ้นมาเพื่อช่วยให้ผู้บริหารสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามการใช้ระบบ ทำให้มีขึ้นตอนในการประมวลผลเพิ่มขึ้นและไม่คล่องตัว ดังนั้นในปีถัดมาทางบริษัทจึงตัดสินใจเพิ่มระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหาร (ELS) ซึ่งเป็นระบบบนเครื่อง PC เพื่อเป็นเครื่องมือให้ผู้บริหารสามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล ในลักษณะเรียลไทม์ (Real-time) ได้เองโดยไม่จำเป็นต้องอาศัยผู้ช่วยอีกต่อไป เนื่องจากระบบ ELS ได้รับการพัฒนาให้ใช้งายง่าย (User-friendly) คำนึงถึงความเหมาะสมกับลักษณะขององค์การ ทักษะ และการใช้งานของผูบริหารระดับสูง โดยระบบดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ด้านการตลาดเป็นผู้ดูแลบำรุงรักษาระบบผู้บริหารระดับสูงของเฮิร์ตซ์ สามารถใช้ระบบ ELS ในการเลือกดูและวิเคราะห์ข้อมูลที่ต้องการและมีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว สามารถเข้าถึงข้อมุลในรายละเอียดเป็นระดับลงมาได้ (Drill-Down) รวมถึงความสามารถในการดึงข้อมูลจากเครื่องขนาดใหญ่ (Mainframe) และนำมาจัดเก็บไว้ในเครื่อง PC ของผู้บริหารเองและนำข้อมูลนั้นมาวิเคราะห์ในแบบของระบบสนับสนุนการตัดสินใจโดยไม่ต้องทำการวิเคราะห์บนเครื่องขนาดใหญ่ ระบบ ELS ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหารระดับสูง ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ และช่วยให้การตัดสินใจมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในปลายทศวรรษ 1990 ระบบ ELS ได้รับการเชื่อมโยงเข้ากับคลังข้อมูล (Data Warehouse) อินเทอร์เน็ตและอินทราเน็ตขององค์การ ผู้บริหารของเฮิร์ทในท้องที่ต่างๆ สามารถรับทราบข้อมูลราคาที่แข่งขันทั้งหมดได้ลักษณะเรียลไทม์ (Real-time) และสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับผละกระทบของการเปลี่ยนแปลงราคาต่อความต้องการรถยนต์ของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว (Turban, et al., 2002: 457)


1.การกำหนดอัคราค่าเช่ารถแต่ละประเภทต้องพิจารณาใดบ้าง

ตอบ - ขึ้นอยู่กับปัจจัยสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยสารสนเทศ เพื่อ ประกอบการ ตัดสินใจด้วยเช่นสารสนเทศเกี่ยวกับสถานที่ เทศกาลกิจกรรมเกี่ยวกับการท่องเที่ยว การสนับ สนุนการขายที่ผ่านมา ข้อมูลของคู่แข่งขัน รวมถึงพฤติกรรมของลูกค้า

2.เพราะเหตุใดบริษัทเฮิร์ตซ์จึงนำเอาระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูงมาใช้

ตอบ - เพราะว่าบางครั้งผู้จัดการฝ่ายตลาดจะต้องอาศัยผู้ช่วยเพื่อคอยช่วยเหลือในการใช้ระบบ ทำให้มีขั้นตอนการประมวลผลเพิ่มขึ้น และไม่คล่องตัว ซึ่งระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูงที่นำมาใช้นั้นช่วยให้ผู้บริหารระดับสูงเลือกดูและวิเคราะห์ข้อมูลที่ต้องการ และ มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว เข้าถึงข้อมูลระดับลงมาได้ สามารถดึงข้อมูล ขนาด ใหญ่จากเครื่อง Mainframe และยังช่วยสนับสนุนการตัดสินใจทำให้ผู้บริหารมีความคิดสร้างสรรค์ การตัดสินใจมีประสิทธิภาพมากขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2551

กรณีศึกษาบทที่ 7

กรณีศึกษา: ระบบสนับสนุนการตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดบ้านพักทหาร
กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา มักทำการเซนสัญญาระบบยาวในการเช่าซื้อหรือสร้างอาคารบ้านพักในบริเวณที่ไกล้ๆ กับฐานทัพต่างๆ ซึ่งการตัดสินใจว่าจะสร้างบ้านพักที่ไหน สร้างเมื่อใด อย่างไร มีรูปแบบใด เป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก และจำต้องทำการวิเคราะห์ตลอดอาคารบ้านพักเป็นส่วนๆ ด้วย โดยการวิเคราะห์ นี้เรียกว่า Segmented Housing Market Analysis หรือ SHMA ที่ต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการจัดทำถึงห้าหมื่นเหรีญญ และมีวัตถุประสงค์เดียวคือ ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจ การวิเคราะห์โดย SHMA จะต้องตรงตามงบประมาณที่มมีอยู่และจะต้องสอดคล้องกับข้อกำหนดขององค์การที่ทำหน้าที่ตรวจสอบที่มีอยู่หลายแห่งด้วยกัน นอกจากนั้นการวิเคราะห์ยังต้องพิจารณาสภาพเศรษฐกิจรอบๆ ฐานทัพและตลาดอาคารบ้านพักที่มีอยู่ในขณะนั้นด้วย เช่น จะต้องพิจารณาว่ามีบ้านพักให้กองทัพเช่าได้เพียงใด ปัญหานี้จะมีความซับซ้อนมากขึ้นเพราะในกองทัพมียศอยู่ถึง 20 ขั้น นายทหารยิ่งมียศสูงมากเท่าใดก็ยิ่งจำเป็นจะต้องมีอาคารบ้านพักที่ดีมากขึ้นเท่านั้น อาคารบ้านพักมีอยู่หกขนาด คือ จากขนาดห้องเดียว ไปจนถึงขนาดบ้านพักที่มีห้าห้องนอนขนาดของครอบครัวก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ต้องนำมาพิจารณา การวิเคราะห์ SHMA นั้นใช้แบบจำลองเชิงปริมาณหลายรูปแบบ รวมทั้งแบบจำลองทางเศรษฐมิติด้วย ดังนั้นการวิเคราะห์คำรวณสำหรับฐานทัพ 200 แห่งต้องใช้เวลานานและยังเกิดความผิดพลาดได้ง่ายโดยเฉพาะหากทำการคำนวณด้วยมือ ระบบสนับสนุนการตัดสินใจจึงได้รับการพัฒนาขึ้นมาโดยสามารถโต้ตอบกับโมเดลระบบวางแผนทางการเงิน (Financial Planning System (IFPS) Modeling Language) แผนผังของระบบ DSS แสดงในรูปแบบที่ 7.12 โดยส่วนประกอบของระบบที่อยู่ทางด้านซ้ายของรูป จะมีสองส่วนที่สำคัญคือ ฐานข้อมูล (Database) และฐานแบบจำลอง (Model Base)
1) ฐานข้อมูล (Database) ประกอบด้วย

- Off-post Data : ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะสภาพเศรษฐกิจรอบๆ ฐานทัพ

- On - post Data : ข้อมูลเกี่ยวกับการหาบ้านพักของนายทหารโดยแหล่งรข้อมูลภายในมาจากฐานข้อมูลภายในกระทรวงกลาโหมและรายงานต่างๆ สำหรับข้อมูลภายนอก มาจากรายงานสถิติ หอการค้า หรือจากฐานข้อมูลออนไลน์ (Online Databese) เป็นต้น

2) ฐานแบบจำลอง (Model Base) มี 2 ส่วน คือ

- Regional Economic Model (RECOM) for the Area : เป็นโมลเดลที่มีตัวแปรและข้อจำกัดต่างๆ เกี่ยวข้องจำนวนมาก เช่น ราคาบ้าน ดัชนีผู้บริโภค รายได้ต่อคน และเงินช่วยเหลือ หรือสวัสดิการของทหาร ฯลฯ

- Modifed Segment Housing Market Analysis (MSHMA) : เป็นโมเดลที่เกี่ยวข้องกับตัวแปรหลายตัวแปรและข้อมูลที่ใช้มาจาก On - Post และ Off - post data เช่น ส่วนแบ่งตลาดบ้านพัก จำนวนบ้านพักใกล้ฐานทัพที่มีให้กองทัพเช่า ภาษีที่ต้องจ่าย รายได้ต่อครัวเรือน รวมถึงจำนวนประชากรทั้งหมด ฯลฯ

คำถาม

1. การตัดสินใจซื้อหรือสร้างบ้านของบุคคลโดยทั่วไปสามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยระบบสนับสนุนการตัดสินใจ ท่านคิดว่าการตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดบ้านพักทหารว่าจะสร้างบ้านพักที่ไหน เมื่อใด และมีรูปแบบอย่างไร มีความจำเป็นต้องอาศัยระบบสนับสนุนการตัดสินใจหรือไม่ เพราะเหตุใด

ตอบ
มีความจำเป็นต้องอาศัยระบบสนับสนุนการตัดสินใจ เพราะว่าการวิเคราะห์นั้นจะต้องพิจารณาไปถึงสภาพเศรษฐกิจรอบ ๆ และตลาดอาคารบ้านพักที่มีอยู่ เช่น จะต้องพิจารณาว่ามีบ้านพักให้กองทัพเช่าได้เพียงใด เพราะปัญหานี้มีความซับซ้อนมากเนื่องจากในกองทัพมียศทางทหารถึง 20 ขั้น นายทหารที่ยศสูงจะต้องมีอาคารบ้านพักที่ดีตามไปด้วย ขนาดของครอบครัวก็เป็นปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงด้วย ดังนั้นการใช้ระบบสนับสนุนการตัดสินใจมาช่วยจะทำให้การวิเคราะห์มีความถูกต้อง
2. องค์ประกอบหลักของระบบสนับสนุนการตัดสินใจเกี่ยวกับบ้านพักทหารมีอะไรบ้าง

ตอบ
1. ฐานข้อมูล (Database) ประกอบด้วยOff-post Data เป็นข้อมูลลักษณะสภาพเศรษฐกิจรอบๆ ฐานทัพOn-post Data เป็นข้อมูลเกี่ยวกับการหาบ้านพักของนายทหาร
2. ฐานแบบจำลอง (Model Base) มี 2 ส่วนคือRegional Economic Model (RECOM) for the Area โมเดลที่มีตัวแปรและข้อจำกัดต่างๆModified Segment Housing Market Analysis (MSHMA) โมเดลที่เกี่ยวข้องกับตัวแปร หลายตัวแปรและข้อมูลที่มาจาก On-post และ Off-post Data
เขียนโดย SuperStar ที่ วันอังคาร, สิงหาคม 12, 2008 0 ความคิดเห็น
วันพฤหัสบดี, กรกฎาคม 31, 2008

กรณีศึกษา: ระบบประมวลผลภาพใบสั่งของกรมการขนส่งในกรุงนิวยอร์ก

กรณีศึกษา: ระบบประมวลผลภาพใบสั่งของกรมการขนส่งในกรุงนิวยอร์ก
(รายละเอียดศึกษาได้จากวารสาร Eworld ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2549)


สถิติการออกใบสั่งเรียกค่าปรับในการฝ่าฝืนกฏจราจรของกรมการขนส่งที่เกิดขึ้นที่เมืองอัลบานีในกรุงนิวยอกร์ก มีจำนวนตั้งแต่ 30,000 ใบถึง 50,000 ใบในแต่ละสัปดาห์ โดยในกรุงนิวยอร์กใบสั่งเรียกค่าปรับทั้งหมดจะถูกรรวบรวมและส่งไปยังกรมการขนส่งที่สำนักงานอัลบานีฝ่านทางไปรษณีย์ เพื่อนำมาประมวลรวมใบสั่งทั้งหมดและจัดเป็นปึก ปึกละ 50 ใบ และส่งปึกใบสั่งทั้งหมดนี้ไปยังอีกแผนกหนึ่งเพื่อถ่ายโอนลงในฟิล์มขนาดเล็กที่เรียกว่า ไมโครฟิช (Microfiche) ต่อไป ซึ่งวิธีการดำเนินการแบบนี้นอกจากนี้จะใช้งบประมาณจำนวนมากแล้วยังให้คุณภาพไม่ดีนัก เนื่องจากมีความผิดพลาดอย่างมากจากการพิมพ์ของพนักงานในขั้นตอนของการพิมพ์ข้อมูลเข้าสู่ระบบ นอกจากนั้นการที่ผุ้พิพากษาไม่สามารถรู้ข้อมูลที่บันทึกในใบสั่งในระหว่างการไต่สวนคดีทางจราจรยังเป็นการถ่วงประสิทธิภาพในการพิพากษาคดี ทำให้การตัดสินนั้นใช้เวลานานเกินกว่าที่ควรจะเป็นเพื่อเป็นการแก้ปัญหาดังกล่าว ทางกรมฯ จึงตัดสินใจนำระบบประมวลผลภาพมาใช้ ทำให้การทำงานเดิม ๆ เปลี่ยนไป โดยระบบนี้จะช่วยลดเวลาการออกใบสั่งลงได้ถึง 2 ใน 3 ของเวลาเดิมที่เคยใช้ การทำงานของระบบใหม่จะเริ่มจากขั้นแรกใบสั่งจะถูกสแกรนเข้าในเครื่องแอสเซนต์ (Ascent Platform) ผ่าน แอสเซนต์ แคปเจอร์ และเครื่องนี้จะแปลงรูปภาพนั้นไปอยู่ในรูปแบบที่นำกลับมาใช้งานได้ หลังจากนั้นเครื่องเมเนเจอร์ ของไอบีเอ็ม (IBM Content Manager) ซึ่งซอฟต์แวร์นี้จะนำข้อมูลทั้งหมดถ่ายไปยังระบบแมนแฟรมเป็นขั้นตอนต่อไป เนื่องจากระบบการจัดการเอกสารแบบอีเล็กทรอนิกส์นีมีคามแม่นยำในการทำงานสูง

คำถาม
1. ระบบประมวลผลภาพมีผลต่อการกระบวนการออกไปสั่งเรียกค่าปรับในการฝ่าฝืนกฏจราจรของกรมการขนส่งอย่างไร
ตอบ
- ช่วยลดเวลาการออกใบสั่ง 2 ใน 3 ของเวลาเดิม
- ข้อมูลไม่ตกหล่น
- ประหยัดแรงงาน
- มีความแม่นยำในการทำอาหาร
- ลดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บเอกสาร
- ระบบถูกส่งไปยังระบบเมนเฟรมเร็วกว่าปกติ

2. ระบบประมวลผลภาพเป็นระบบสารสนเทศประเภทใด มีลักษณะอย่างไร
ตอบ
เป็นการประมวลผลแบบทันที Real time เป็นการประมวลผลแต่ละรายการแล้วเป็นผลลัพธ์ทันทีเพื่อมีการป้อนข้อมูลเข้าสู่ระบบ ใบสั่งจะถูกสแกนเข้าเครื่องแอสเซนต์ ผ่านแอสเซนต์แคปเจอร์ และเครื่องนี้จะแปลงรูปไปอยู่ในรูปที่กลับมาใช้งานได้

แบบฝึกหัดบทที่ 6

1.ระบบสารสนเทศมีผลกระทบต่อกระบวนการทำงานและโครงสร้างขององค์การอย่างไร

ตอบ
1. ลดระดับขั้นของการจัดการ
2. มีความคล่องตัวในการดำเนินงาน
3. ลดขั้นตอนการดำเนินงาน
4. เปลี่ยนแปลงกระบวนการจัดการ
5. กำหนดขอบเขตการดำเนินงานใหม่


2.องค์การเสมือนจริงมีลักษณะอย่างไร และมีข้อดีอย่างไรเมื่อเปรียบเทียบกับองค์การโดยทั่วไป

ตอบ
1. มีขอบเขตขององค์การไม่ชัดเจน
2. ใช้เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม
3. มีความเป็นเลิศ
4. มีความไว้วางใจ
5. มีโอกาสทางตลาดมีข้อดี คือ เป็นรูปแบบขององค์การแบบใหม่ เป็นเครือข่ายขององค์การที่เชื่อมโยงกันด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อแลกเปลี่ยนทักษะ ลดต้น สร้างและกระจายสินค้าและบริการโดยไม่มีข้อจำกัดเกี่ยวกับสถานที่ตั้งขององค์การ


3.ระบบสารสนเทศสามารถถูกจัดเป็นประเภทใดบ้าง อธิบายและยกตัวอย่างระบบสารสนเทศในแต่ละประเภท

ตอบ
3.1 ระบบสารสนเทศจำแนกตามประเภทของธุรกิจ เช่น ระบบสารสนเทศงานบริหารโรงแรม จะประกอบด้วยสารสนเทศย่อย ได้แก่ ระบบสำรองห้องพัก ระบบบัญชี ฯ
3.2 ระบบสารสนเทศจำแนกตามหน้าที่ของงาน เช่น ระบบจัดการข้อมูลพนักงาน ระบบการสรรหาและคัดเลือก ระบบฝึกอบรม ระบบประเมินผล
3.3 ระบบสารสนเทศจำแนกตามลักษณะการดำเนินงาน แบ่งออกเป็น 6 ประเภท
1) ระบบสานสนเทศประมวลผลธุรกรรม
2) ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ
3) ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ
4) ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูง
5) ปัญญาประดิษฐ์
6) ระบบสารสนเทศสำนักงาน


4.ระบบสารสนเทศสำนักงาน (OIS) แตกต่างจากระบบสารสนเทศกระประมวลผลธุรกรรม (TPS) อย่างไร

ตอบ
- ระบบสารสนเทศสำนักงาน (OIS) เป็นระบบสารสนเทศที่นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของผู้ปฏิบัติงานและผู้บริหาร สามารถนำมาช่วยงานในหลายๆกิจกรรม ส่วนระบบสารสนเทศกระประมวลผลธุรกรรม (TPS) เป็นระบบสารสนเทศเพื่อการประมวลผลที่รวดเร็ว ลดค่าใช้จ่าย และปรับปรุงการให้บริการลูกค้า ทำหน้าที่รวบรวม บันทึกข้อมูลในแฟ้มข้อมูล หรือฐานข้อมูล และประมวลผลข้อมูลที่เกิดจากการทำธุรกรรมและการปฏิบัติงานประจำขององค์การ

5.อธิบายความสัมพันธ์ระหว่างระบบ TPS, OIS, MIS, DSS และ EIS

ตอบ
- TPS จะเป็นแหล่งข้อมูลพื้นฐานให้กับระบบสารสนเทศ OIS, MIS และ DSS ในขณะที่ EIS จะเป็นระบบที่รับข้อมูลจากระบบสารสนเทศในระดับที่ต่ำกว่า